มิติหุ้น – นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) แบรนด์คนไทยเบอร์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก และดำเนินธุรกิจด้วยความภาคภูมิใจกว่าสองทศวรรษ เปิดเผยว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารในประเทศอินเดีย เป็นตลาดที่น่าจับตามองและเป็นโอกาสของผู้ประกอบการผู้ผลิตอาหารในปี 2567 จากทิศทางการเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญ โดยในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ มีอัตราการเติบโตของตลาดเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจอินเดียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นแรงขับเคลื่อนและดึงเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศได้อย่างมหาศาล โดยเศรษฐกิจอินเดียเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก มีขนาดเศรษฐกิจ (GDP) เติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปีในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และในไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโตสูงถึง 7.76% จากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มในอนาคตจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
“ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และตลาดต่างประเทศอื่น ๆ รวมถึงตลาดเกิดใหม่เผชิญกับความไม่มั่นคง และมีความเสี่ยงต่อการลงทุน อินเดีย คือตลาดดาวรุ่งบนเวทีโลก ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก เป็นรองจากสหรัฐอเมริกา จีน เยอรมัน และญี่ปุ่น และมีฐานผู้บริโภคในประเทศขนาดใหญ่ ทำให้อินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจและกำลังดึงเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก”
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตลาดผู้บริโภคของอินเดีย ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่าพันล้านคน ซึ่งเป็นฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ นอกจากนี้ อินเดียยังมีกลุ่มประชากรวัยทำงานที่มีการศึกษาสูงและมีทักษะที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
“มีรายงานตัวเลขรายได้หลังหักภาษีของประชากรอินเดียเฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นทุกปี และคาดการณ์ว่าในปี 2570 ประชากรกว่า 100 ล้านคน จะกลายเป็นคนร่ำรวยที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 10,000 ดอลลาร์ และทำให้ตลาดผู้บริโภคของอินเดียจะใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และจีน”
ทั้งนี้ ด้วยกำลังซื้อที่เข้มแข็งช่วยหนุนตลาดอาหารของอินเดียเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุ “เอกา โกลบอล” เติบโตมากกว่า 100% ต่อปี โดยเฉพาะอาหารขนมหวานท้องถิ่นพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) มีอัตราคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้าเอสเอ็มอีธุรกิจขนมหวานในอินเดียกว่า 300 – 400 ราย และมีคำสั่งเฉลี่ยต่อรายเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าหมื่นชิ้นต่อเดือน
“พฤติกรรมการบริโภคของคนอินเดีย นอกจากการบริโภคอาหารมื้อหลักแล้วจะชื่นชอบและนิยมทานขนมหวาน พร้อมจิบน้ำชาระหว่างวัน เป็นกิจวัตรที่ทำเป็นปกติทุกวัน ที่ผ่านมาบริษัทฯ มองเห็นการเติบโตของผู้ประกอบเอสเอ็มอีในอินเดียที่มากขึ้นทุกปีจากระดับคำสั่งซื้อหลักพันชิ้นเป็นหมื่นชิ้นต่อเดือน”
สำหรับการลงทุนตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย มูลค่าการลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอินเดียของบริษัทฯ ขณะนี้ได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว (มี.ค. 67) นับเป็นจังหวะเหมาะสมอย่างยิ่ง และเข้ามารองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารเฉพาะโรงงานแห่งใหม่ดังกล่าวจนเต็มกำลังการผลิตสูงสุด 300 ล้านชิ้นต่อปีแล้ว
“โรงงานแห่งใหม่ที่อินเดียจะรองรับการขายภายในอินเดีย ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุดเป็น 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตในไทย และปีนี้ อินเดียเป็นตลาดสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายรวมทั้งปีนี้ของบริษัทฯ เติบโตกว่า 10 – 15% แตะ 1,200 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon