มิติหุ้น – นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคารเปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ยังคงเผชิญความท้าทายจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยสินเชื่อสูง ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว อย่างไรก็ตามมองว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้า โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ภาคอสังหาฯ ทั้งแนวราบ-แนวสูงเริ่มทยอยฟื้นตัว คาดส่งผลให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น ช่วยผลักดันให้ความต้องการผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอิฐมวลเบา SMART มีคุณสมบัติประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยสนับสนุนยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงต่อจากนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน มุ่งรักษารายได้และอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่ดี เดินหน้ากลยุทธ์ด้านการตลาดที่หลากหลายเพื่อสร้างแบรนด์และผลักดันยอดขาย โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าหลากหลาย อาทิ ผู้ประกอบการ สถาปนิก เจ้าของบ้าน
นอกจากนี้ เร่งขยายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านร้านโมเดิร์นเทรด ซึ่งปัจจุบันมีจุดจำหน่ายผ่าน โกลบอลเฮาส์ จำนวน 73 สาขา, ดูโฮม จำนวน 25 สาขา และ ร้านไทวัสดุ ที่ขยายสาขาแล้วมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ และมีแผนในการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึง ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย (Dealer) ประมาณ 140 ราย ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์กับลูกค้า เพื่อช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า ให้มีคุณภาพสูงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ตอบโจทย์แนวโน้มเทรนด์การใช้วัสดุก่อสร้างที่รักษาสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งสินค้าของบริษัทมีคุณสมบัติช่วยลดการใช้พลังงานในอาคาร เช่น อิฐมวลเบากันความร้อนเพื่อลดการใช้เครื่องปรับอากาศ รวมถึงการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการผลิตบล็อคผนังตกแต่ง เพื่อลดปริมาณขยะและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยมลพิษ และการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดต้นทุน มุ่งสู่เป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
อีกทั้ง มีแผนออกผลิตภัณฑ์บล็อคตกแต่งลวดลายใหม่ ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ใหม่ บล็อคตกแต่ง ช่องลมลายรังผึ้ง (Ring Block) ในช่วงไตรมาส 3/2567 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้างานภาครัฐ-เอกชนในปัจจุบัน ผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงาน จากภาคเอกชน 90% ภาครัฐฯ 10% โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายจากในประเทศ 98 % ต่างประเทศประมาณ 2% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าโครงการอาคารที่พักอาศัยกลุ่มประเทศ CLMV และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมีรายได้รวม 319.74 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 54.35 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 บริษัทมีรายได้รวม 155.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 26.61 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลประกอบการในส่วนรายได้รวมปรับตัวลดลงเล็กน้อย เป็นผลจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่ลดลงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ ส่งผลให้การส่งมอบสินค้าถูกเลื่อนออกไปในไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทยังคงสามารถทำกำไรสุทธิในระดับดี จากการบริหารจัดการต้นทุน วัตถุดิบและเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon