มิติหุ้น – นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ ทำรายได้จากการขาย 1,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 268.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถทำอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ในระดับ 18.9%ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) มีรายได้จากการขาย 2,783.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 562.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากความสำเร็จของการดำเนินนโยบาย Go Firm พัฒนาปรับองค์กรให้กระชับ ลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่าย (Productivity) ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการยอดขาย (Revenue Management) เพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรจากภายในองค์กร และมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนต่อสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเตรียมรับราคาต้นทุนสาหร่ายใหม่ที่จะเริ่มรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2567
ขณะเดียวกัน การเติบโตของรายได้จากตลาดต่างประเทศมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในประเทศหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา มาเลเซียและจีน อีกทั้ง ยังสามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ในประเทศรองอีกหลายประเทศ เช่น แคนาดา เกาหลีใต้ ไต้หวัน และประเทศในแถบยุโรปที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดทางออนไลน์และออฟไลน์กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนำเสนอสินค้าใหม่ อาทิ สาหร่ายเถ้าแก่น้อยเทมปุระ x น้ำพริกป้าแว่น สาหร่ายอบรสเกลือชมพู และสาหร่ายอบรสมะเขือเทศ ทำให้ผู้บริโภคเข้ามาในกลุ่มขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากการขายในปัจจุบันมาจากในประเทศอยู่ที่ 35% และตลาดต่างประเทศอยู่ที่ 65%
นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำการเป็นหุ้นปันผลที่สร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาจากงบเฉพาะกิจการและอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2567 (มกราคม-มิถุนายน) ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2567 สะท้อนศักยภาพฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวว่า แม้มีปัจจัยกดดันมาจากต้นทุนราคาวัตถุดิบหลักสาหร่ายที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในฤดูกาลสาหร่ายงวดใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงอัตราการเติบโตด้วยเป้ายอดขายปีนี้ไม่น้อยกว่า 10% ด้วยการบริหารจัดการยอดขาย (Revenue Management) บริหารพอร์ตสินค้าและช่องทางการขายที่มีกำไรดี (Product Mix and Channel Mix) ให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จะมุ่งขยายตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดหลักที่สร้างการเติบโตได้ดีและถือเป็นการปรับสมดุลของตลาดจีนที่มีอัตราเติบโตลดลงจากปัจจัยเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายตลาดในประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ ได้แก่ กลุ่มประเทศเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปตะวันตก และ กลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร (UK) เพื่อตอบรับเทรนด์การบริโภคสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
ขณะที่ตลาดในประเทศคาดว่าจะได้รับผลดีจากจำนวนนักท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากถึง 33 ล้านคน เป็นปัจจัยบวกต่อยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน TKN เดินหน้าผลักดันการบริโภคภายในประเทศด้วยการกระจายสินค้าให้มากขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย (Product Mix) เช่น สินค้าในกลุ่มสาหร่ายอบและกลุ่มทอด ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง พร้อมมุ่งสร้างแบรนด์และการทำการตลาด รวมถึงออกแคมเปญโปรโมชั่นใหม่ๆ ผลักดันให้แบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” ก้าวขึ้นแท่นในการเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครัก “Brand Love” สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายในประเทศไทย
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon