‘POLY’ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 พุ่งแรง ทำกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 117%

33
มิติหุ้น  –  นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โพลีเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ POLY ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงแบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรสุทธิ 48 ล้านบาท  เติบโต 212% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยมาจากกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่เติบโตรวมสองไตรมาส ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 475 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 94 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 117% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นสูงถึง 138.1 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 40% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 29.1% สูงขึ้นจากปีก่อน 8.3%  ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ประกอบกับการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ เช่น การพัฒนาแม่พิมพ์ การพัฒนาสูตรยาง การพัฒนาขั้นตอนการผลิตโดยใช้หุ่นยนต์รวมถึงระบบ Automation สำหรับการผลิตและระบบตรวจสอบคุณภาพ ที่ทำให้ใช้แรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยยังรักษาคุณภาพของสินค้าไว้ได้จากผลการดำเนินงานดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมทั้งสิ้น 90 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 12 กันยายน 2567 นางกาญจนา กล่าวถึงทิศทางผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่า บริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในทุกกลุ่มสินค้า ได้แก่
1.กลุ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ โดยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมจากลูกค้าในอเมริกาจากการย้ายฐานการผลิต เนื่องจากมีค่าแรงและต้นทุนที่สูงกว่า  โดยปัจจุบันได้เริ่มผลิตแม่พิมพ์แล้วและคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากค่าแม่พิมพ์ได้ในไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2567 และหลังจากผลิตแม่พิมพ์แล้วเสร็จจะเป็นการผลิตชิ้นงานต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มในไตรมาสที่ 3-4 มีการเติบโตจากทั้งรายได้ค่าแม่พิมพ์และรายได้จากการผลิตชิ้นงาน
2.กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริษัทฯ ได้ใช้กลยุทธ์การเติบโตจากลูกค้าปัจจุบันที่เป็น Global Brand ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและตลาดที่กว้างกระจายอยู่ในหลายๆ ประเทศ โดยสร้างความเชื่อมั่นและส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงเวลา และมีราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในอนาคต เพื่อรองรับการขายสินค้าในหลายทวีปทั่วโลก และ
3.กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งจากการที่ฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยเป็นประเทศที่มีต้นทุนค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง ทำให้การรักษา Homecare ได้รับความนิยมและยังคงตอบโจทย์กับผู้ใช้งาน จึงทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีแผนการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ผ่านการออกงาน Exhibition และ Medical Fair ต่างๆ ในฐานะผู้ผลิตที่มีนวัตกรรมและมาตรฐานสูง
“เรากระจายรายได้ในหลายๆ กลุ่มธุรกิจ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง โดยล่าสุด กลุ่มบริษัทฯ ได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ในกลุ่มไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันเราได้รับ License สำหรับการผลิตสินค้าดังกล่าวแล้วจากบริษัทคู่ค้าในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าสร้างรายได้จากสินค้ากลุ่มนี้ภายในปี 2567 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจที่จะช่วยหนุนการเติบโตของปีนี้” นางกาญจนากล่าว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon