CGSI : แนวโน้มกลุ่มค้าปลีกช่วงครึ่งปีหลัง การเติบโตยังนำโดยผู้ค้าปลีกสินค้าอาหาร

44

มิติหุ้น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทในกลุ่มค้าปลีก 7 แห่งที่ศึกษา ได้แก่ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL และ HMPROมีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/67 รวม 1.37 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% yoy และลดลง 7.4% qoq โดยยังคงได้ประโยชน์จากการขยายสาขาและศักยภาพการทำกำไรที่สูงขึ้น

ขณะที่ CPALL มีผลประกอบการโดดเด่น มีกำไรปกติเติบโตสูงสุด 37.4% yoy เนื่องจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง และหนุนโดย CPAXT ที่มีกำไรปกติเติบโต 27.9% yoy เพราะผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Lotus’s ช่วยชดเชยผลประกอบการที่อ่อนตัวของ Makro

BJC มีกำไรปกติเติบโต 1.5% yoy เพราะมีภาษีจ่ายสูงขึ้น แม้ว่าจะได้ประโยชน์จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วน CRC กำไรปกติลดลง 8.8% yoy เนื่องจากมีดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นและส่วนแบ่งกำไรลดลง แต่ยังมี GPM ทรงตัวจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

DOHOME , GLOBAL และ HMPRO การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบในไตรมาส 2/67 เนื่องจากยอดขายสินค้าเกี่ยวกับบ้านและตกแต่งบ้านอ่อนตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูง แต่กลุ่ม Home improvement แสดงให้เห็นความยืดหยุ่นด้วยการบริหารอัตรากำไรอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น DOHOME จึงนำกลุ่มด้วยกำไรปกติเติบโตสูง 389% yoy จากฐานที่ต่ำ ส่วน GLOBAL มีกำไรปกติโต 8.8% และ HMPRO มีกำไรสุทธิทรงตัว ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรับมือแรงกดดันด้านยอดขาย

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าอาหารอย่าง CPALL และ CPAXT จะยัง outperform เนื่องจากความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงอ่อนตัว เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยสูงและความมั่งคั่งที่ลดลงหลังหุ้นไทยปรับตัวลงแรง ส่งสัญญาว่าการจับจ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยน่าจะอ่อนตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะเริ่มเห็นอุปสงค์สินค้าฟุ่มเฟือยฟื้นตัวภายในสามเดือน หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ หากรัฐบาลใหม่ตัดสินใจไม่เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งคาดมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 4/67 อาจเห็นการขยายตัวของ GDP ไทยชะลอตัวและแรง กดดันด้านเงินเฟ้อลดลง ซึ่งอาจทำให้ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ของ CGSI คาดไว้ในไตรมาส 2/68 เช่นไตรมาส 4/67 กรณีนี้มองว่า CRC น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยลอยตัวสูง ซึ่งจะทำให้ CRC ฟื้นตัว เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง

ขณะที่เชื่อว่ากลุ่ม Home improvement อาจฟื้นตัวช้า เนื่องจากอุปสงค์ของวัสดุก่อสร้าง และสินค้าที่เกี่ยวข้องจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนหลังการปรับลดดอกเบี้ยจึงจะกลับมาฟื้นตัว จึงทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เป็นหุ้น Recovery play ช่วงปลายวงจร

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เห็นว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรก ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของความยืดหยุ่นการดำเนินงานและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพของกลุ่มค้าปลีก และเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลัง ผู้ค้าปลีกสินค้าอาหารจะยังนำการเติบโตของกลุ่มค้าปลีก ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยของธปท. เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยและ Home improvement นอกจากนี้ ควรจับตาดูนโยบายรัฐบาลใหม่ เนื่องจากเป็นตัวกำหนดภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของกลุ่มค้าปลีกในเดือนที่เหลือ

หุ้น CPALL มีผลประกอบกการแข็งแกร่งยังคงเป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มค้าปลีกของไทย และ CPALL น่าจะยัง outperform ในครึ่งปีหลัง เพราะสินค้าอาหารและสินค้าที่จำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ จะยังเป็นที่ต้องการนอกจากนี้ มองว่าการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและเครือข่ายสาขาร้าน 7-Eleven ที่กว้างขวางยังเป็น ฐานที่แข็งแกร่งในการเติบโตของกำไรอย่างยั่งยืน

ขณะที่หุ้น CRC เป็นหุ้น Recovery play ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย เชื่อว่าจังหวะเหมาะที่จะเข้าซื้อ CRC คือราว 2-3 เดือนก่อนวันที่คาดว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย

ยังแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในกลุ่มค้าปลีก โดยมองว่า downside risk จะมาจากการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวกว่าคาด ซึ่งจะฉุดให้ SSSG ลดลงและการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มแรงกดดันด้าน SG&A ส่วนปัจจัยบวกคือการที่ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในแหล่งท่องเที่ยว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon