CGSI : Trend Spotter

38

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน โดยดัชนี DJIA +0.16% จากแรงซื้อของหุ้น CAT (+0.79%) และ AXP (+1.03%) ในขณะที่ S&P500 -0.32% และ Nasdaq -0.85% แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากการเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ (-1.12%) ก่อนการรายงานผลประกอบการของ Nvidia แต่ตลาดได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มพลังงาน (+1.11%) หลังราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นกว่า 3% เนื่องจากกำลังการผลิตที่ลดลงในลิเบีย และ ความตึงเครียดของ Geopolitics จากเหตุการณ์อิสราเอลปะทะฮิซบุลเลาะห์ในช่วงสุดสัปดาห์

นอกจากนี้ แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 0.3% จาก 1) ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง 2) สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และ 3) แนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ของเฟดที่ชัดเจนขึ้น โดย CME FedWatch ระบุว่าตลาดให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%

ติดตามดัชนี PCE เดือนก.ค. สหรัฐฯ วันศุกร์นี้

• SET Index : เราคาดว่า SET Index อาจพักฐานกรอบ 1,350 – 1,380 จุด อาจเห็นแรง sell off เล็กน้อยจาก Geopolitics และ การพักฐานหลัง SET ปรับตัวขึ้นหลายวันติดต่อกัน

ปัจจัยในประเทศติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหากมวลน้ำทวีความรุนแรง

จากเหตุการณ์ปี 2011 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่าค่าปกติ 24% จากพายุที่พัดเข้าไทย 5 ลูกตั้งแต่เดือนมิ.ย. – ต.ค. ส่งผลให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ และ ฉุด GDP ไทย ปี 2011 ลดลงกว่า 3.2 แสนล้านบาท (World bank ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท)

ในขณะที่ ปี 2022 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งประเทศมากกว่าปกติ 27% แม้ว่าความรุนแรงและระยะเวลาจะน้อยกว่าปี 2011 แต่ยังสร้างความเสียหายกว่า 5,000 – 10,000 ล้านบาท

ด้านสทนช. ประเมินว่าสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันสร้างความเสียหายในพื้นที่ภาคเหนือ แต่จะไม่รุนแรงเท่าปี 2011 เพียงแต่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา

• หุ้นแนะนำ
PTTEP : สถานการณ์ตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง และ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการประกาศระงับผลิตน้ำมันน้ำมันของลิเบีย ซึ่งเป็นประเทศกลุ่มสมาชิก OPEC ส่งผลให้ตลาดราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมัน เราคาดว่า PTTEP เป็นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์นี้ นอกจากนี้ PTTEP เป็น Top pick ของเราในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ หลังบริษัททำกำไรสุทธิ 23,978 ล้านบาท (+28.3% qoq) ใน 2Q24 จากปริมาณขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแหล่งก๊าซในประเทศ
(Take profit : 166.00 / Stop loss : 135.00)

LH : LH ทำกำไรสุทธิ 1.02 พันล้านบาทใน 2Q24 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของเรา 19% LH เผยว่าบริษัทจะเน้นระบายสต็อกพร้อมอยู่ ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างสูงหรือเท่ากับ presales 7-8 เดือน (vs. ค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 3 เดือน) เรามองว่าธุรกิจอสังหาฯ ฟื้นตัวช้า แต่ LH ยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 6.6-7.4% ในปี FY24-25

(Take profit : 9.55 / Stop loss : 4.90)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon