CH แย้มครึ่งปีหลัง 67 โตแกร่ง ลุ้นรายได้-กำไร All Time High

69

มิติหุ้น  –  CH เผยธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 ฟอร์มดี ลุ้นรายได้-กำไร All Time High ทยอยรับรู้ต่อ Q3/67 เร่งปั๊มยอดขาย รุกขยายฐานลูกค้าใหม่โซนยุโรป เอเชีย รักษาฐานลูกค้าเดิม อัพเกรดมาตรฐานสินค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตอบโจทย์เทรนด์อาหาร-ขนมเพื่อสุขภาพ ผลักดันแบรนด์ Bangkok Tasty รับดีมานด์ลูกค้าในประเทศ-นักท่องเที่ยว ช่วงไฮซีซัน ขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์ โมเดิร์นเทรด ออกงานแฟร์ระดับสากลทั่วโลก ขยายฐานลูกค้า OEM เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บวัตถุดิบหนุนการผลิต ควบคู่การบริหารจัดการต้นทุน ผลักดันรายได้ตามเป้า 1,900 ล้านบาท 

นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป ได้แก่ ผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 แนวโน้มเติบโตดี คาดสร้างผลงานปีนี้โดดเด่นทั้งรายได้และกำไร ปัจจัยสนับสนุนจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้ง ภาคการท่องเที่ยวในประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซัน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ส่งเสริมให้การบริโภคอาหารแปรรูปและขนมมีความคึกคักขึ้น ช่วยสร้างยอดขายและสามารถทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป

สำหรับแผนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทมุ่งมั่นสร้างการเติบโตของยอดขายทั้งในและต่างประเทศ เดินหน้าตามแผนงาน ส่งทีมขายเร่งเจรจาเปิดตลาดใหม่โซนยุโรปและเอเชีย พร้อมทั้งอัพเกรดคุณภาพมาตรฐานสินค้า โดยอยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขอเครื่องหมายรับรองคุณภาพในประเทศจีน ช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขัน สร้างความเชื่อมั่นฐานลูกค้าเดิมและเปิดโอกาสขยายลูกค้าใหม่ได้กว้างขึ้น

อีกทั้ง ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มความหลากหลายของสินค้าและรสชาติ ผ่านการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอินไซต์ของผู้บริโภค เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพและตรงตามความต้องการกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่ใส่ใจการบริโภคอาหาร-ขนมที่มีคุณภาพ ปลอดภัยและ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น พร้อมผลักดันสินค้าขนมเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ Bangkok Tasty (by CH) อย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรก 2567 บริษัทมียอดขายเติบโตก้าวกระโดดที่ 577.21 % จากปี 2566 และยังคงมีดีมานด์เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมแผนเพิ่มศักยภาพช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ได้แก่ Shopee , FACEBOOK , TikTok Shop , LINE Shopping และขยายจุดจำหน่ายโมเดิร์นเทรดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ช่วยเพิ่มโอกาสการขาย ปัจจุบัน วางจำหน่ายที่ CENTRAL VILLAGE , บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 8 สาขา , 7-Eleven 50 สาขา , เทสโก้ โลตัส 34 สาขา , Gourmet  Market 4 สาขา ซึ่งจุดจำหน่ายดังกล่าวเป็นทำเลที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ  รวมถึงเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับสากลทั่วโลก สร้างโอกาสพบตัวแทนจำหน่ายและผู้นำเข้าสินค้าในกลุ่มประเทศเป้าหมายรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น สร้างการเติบโตของรายได้ให้ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารับผลิตสินค้าตามแบบที่ลูกค้ากำหนด OEM แบบ One Stop Service ชูจุดแข็งนวัตกรรมการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยเครื่องจักรและระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย ในราคาที่คุ้มค่ามีความหลากหลายของดีไซน์ พร้อมผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อวางจำหน่าย  “เชื่อมั่นว่าการวางกลยุทธ์ที่เข้มข้นของครึ่งปีหลัง ทั้งด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานระดับสากล รวมถึงนวัตกรรมการจัดเก็บวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ส่งผลให้มีวัตถุดิบเพียงพอต่อคำสั่งซื้อทั้งปี ถือเป็นจุดได้เปรียบทางการแข่งขัน ควบคู่การบริหารจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะผลักดันให้รายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,900 ล้านบาท โดยปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้ง 89% ปลากระป๋อง 10% ขนมเพื่อสุขภาพ 1%” นายศักดา กล่าว

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon