มิติหุ้น – กรุงเทพฯ – บมจ. เอสอีไอ เมดิคัล หรือ SEI ประกาศนำ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์แบบครบวงจร ขึ้นแท่นธุรกิจเมกะเทรนด์ดาวเด่นปี 2567 รับแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์โต พร้อมส่งสัญญาณเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 50 ล้านหุ้น เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 3/2567 นี้
นายกานต์ ปุญญเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสอีไอ เมดิคัล จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการเป็นตัวแทนจำหน่าย และให้เช่าเครื่องมือทางการแพทย์ วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์แบบครบวงจร (One stop service ) เปิดเผยว่า ภาพอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากมูลค่าจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ในประเทศ โดยมูลค่าการจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ในประเทศขยายตัวร้อยละ 5.5 ในปี 2566 ก่อนปรับขึ้นเล็กน้อยในปี 2567 และ 2568 ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 6.0 – 7.0 ต่อปี สะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเห็นได้จากการกลับมาใช้บริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดูแลสุขภาพ อาทิ ธุรกิจความงาม ศูนย์แพทย์เฉพาะทาง และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจร
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ เป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ เนื่องจาก SEI ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เพื่อจำหน่ายให้แก่สถานพยาบาลชั้นนำในประเทศ ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล หน่วยงานราชการ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก รวมถึงสถาบันการศึกษาแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ ปัจจุบัน SEI เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์จากผู้ผลิตทั้งหมด 17 ราย ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับ ในวงการสาธารณสุขทั่วไป ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมเครื่องมือทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ
ด้วยจุดเด่นความเชี่ยวชาญการเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ที่ยาวนานกว่า 30 ปี สอดรับกับเป้าหมายการต่อยอดและขยายการเติบโตสู่ความยั่งยืน ภายใต้การยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันในการสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านการให้บริการเครื่องมือและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ครบวงจรในทุกมิติ ผ่าน 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลา ของชีวิต ประกอบด้วย 1.กลุ่มสินค้าสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิด (Neonatal Care) ซึ่งเป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ดูแลทารกแรกเกิดปกติ และทารกที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิกฤตในระยะแรกหลังคลอด 2.กลุ่มสินค้าด้านกล้องส่องตรวจ (Endoscope) เป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในห้องส่องกล้องสำหรับการตรวจทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจและ โสตศอนาสิก 3.กลุ่มสินค้าด้านการผ่าตัด (Surgery) เป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในห้องผ่าตัด 4.กลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ (Laboratory) เป็นกลุ่มเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์วัดอนุภาค เก็บรักษาตัวอย่าง และบ่มเพาะเชื้อเพื่อการทำวิจัย
และ 5.กลุ่มสินค้าด้านความงาม (Aesthetic) เป็นกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับเสริมความงามทางร่างกาย ซึ่งทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ครบทุกมิติ และเป็นเทรนด์ธุรกิจในช่วงขาขึ้นที่มีแนวโน้มการเติบโต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า SEI จัดอยู่ในหุ้นกลุ่ม Health and Wellness ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ เมกะเทรนด์ที่มาแรงในปี 2567 ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ไทย โดยจะเห็นได้จากมูลค่าตลาดเครื่องมือแพทย์และวิทยาศาสตร์ในช่วงปี 2566 ที่มีมูลค่าโดยรวม 210,316.41 ล้านบาท และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 4.93% ขณะที่มูลค่าตลาดการนำเข้าเครื่องมือแพทย์และวิทยาศาสตร์ ในปี 2566 อยู่ที่ 43.2% ของตลาดโดยรวม โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 90,859.41 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราเติบโตโดยรวมเฉลี่ยประมาณ 8.23% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม จากดีมานด์ที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ ได้รับอานิสงส์เชิงบวกและถูกจัดอยู่ในกลุ่มหุ้นเมกะเทรนด์ทางการแพทย์ ที่ได้รับความสนใจ ทำให้วันนี้ SEI ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย และบริษัทฯ พร้อมที่เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอุปโภคบริโภค ภายในไตรมาส 3/2567 นี้
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon