CGSI : Trend Spotter

23

มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบที่ 0.25-0.31% โดยมีการปรับตัวขึ้นสูงระหว่างวัน หลังเฟดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50bps สู่ระดับ 5%

ซึ่งการประชุม FOMC ครั้งนี้ Dot Plot ใหม่ที่คาดการณ์โดยเจ้าหน้าที่ 19 คน คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยของ FED จะอยู่ที่ 4.4% ในปี 2024 หรือลดอีกกว่า 50bp และ 3.4% ในปี 2025 หรือลดอีกกว่า 100bp และ 2.9% ลดอีกกว่า 50bp ในปี 2026 และ ปี 2027

เจ้าหน้าที่ FED ส่วนใหญ่จำนวน 10 คนจากทั้งหมด 19 คน เห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือในปี 2024

นอกจากนี้ เฟดได้ประกาศว่าจะยังคงนโยบายที่เข้มงวดเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และ ยังคงใช้การ “forward guidance” เพื่อส่งสัญญาณถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย รวมถึงได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ เพื่อช่วยในการตัดสินใจในอนาคต

ล่าสุด CME FedWatch ระบุว่าตลาดให้น้ำหนัก
1) 70% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 4.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.
2) 48% ที่จะลดลงอีก 50bps สู่ระดับ 4.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. และ
3) 44.6% ที่จะลดลงสู่ระดับ 4% ในการประชุมเดือนม.ค. 2025

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,430 – 1,450 จุด โดยได้รับแรงสนับสนุนจากฟันด์โฟลด์ที่ไหลเข้ามา สนับสนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น หลังการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่สูงกว่าตลาดคาด ทำให้เงินบาทแข็งค่า

สำหรับปัจจัยในประเทศด้านอื่น อาทิ
1) การประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน ทั่วประเทศ มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค. ซึ่งจะมีการหารือเป็นครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.)

โดยเราเชื่อว่าภาคโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่จ่ายค่าแรงสูงกว่าอยู่แล้ว รวมถึงรัฐบาลมีมาตรการลดภาระให้ผู้ประกอบการ

2) ครม. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และ วิธีการจ่ายเงิน ที่ต่างกันไปตามกรณี สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยได้อนุมัติงบกลาง 3 พันล้านบาท เพื่อจ่ายเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้น

3) การแจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรก 14.55 ล้านคน เริ่ม 25 ก.ย. โดยรัฐบาลคาดว่าจะสนับสนุนให้ GDP ขยายตัวขึ้น 0.35% ต่อปี ในขณะที่ ตวามชัดเจนการแจกเงินเฟส 2 อีก 36 ล้านคน ยังไม่แน่นอน

4) “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” ซึ่งเปิดจองซื้อถึงวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) เป็นวันสุดท้าย ยังได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั่วประเทศเป็นอย่างดี โดยมีเม็ดเงินเข้ามาจองซื้อราวหมื่นล้าน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยอดจองซื้อที่ชัดเจนยังไม่สามารถเปิดเผยได้

• หุ้นแนะนำ
BDMS : เราเชื่อว่า BDMS ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและบริษัทยังคงเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

เราคาดว่า BDMS จะทำรายได้เพิ่มขึ้น 10% yoy ใน 3Q24 เพราะรายได้จากทั้งผู้ป่วยชาวต่างชาติและผู้ป่วยชาวไทยน่าจะยังเติบโตดี

(Take profit : 30.20 / Stop loss : 29.50)

BGRIM : เราเชื่อว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากฟันด์โฟลด์ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย หลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 50bps จะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าเนื่องจาก
1) ภาระหนี้สกุลเงินต่างประเทศที่ลดลง และ 2) Bond yields ที่ลดลงเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า

(Take profit : 24.75 / Stop loss : 22.00)

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon