มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกโดยดัชนี DJIA +0.15% S&P500 +0.28% และ Nasdaq +0.14% นำโดยแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน (+1.31%) และ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (+1.30%) โดยตลาดยังได้รับแรงสนับสนุนจากการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50bps สู่ระดับ 4.75–5.00% ของ Fed ในการประชุมเมื่อวันที่ 18 ก.ย. และ มีแนวโน้มปรับลดเพิ่มอีกภายในสิ้นปีนี้
ตลาดยังคงจับตาการแสดงความคิดเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน Fed ในที่ประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ วันพฤ. ที่ 26 ก.ย. นี้
นอกจากนี้ ติดตามรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากเดือนก.ย. วันนี้ ที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 103.5 (vs. ส.ค. ที่ระดับ 103.3)
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,440 – 1,460 จุด โดยเรามองว่าจะไม่หลุด 1,440 และ เป็นจังหวะเข้าสะสมหุ้นกลุ่ม Domestic play
สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจในประเทศ ยอดจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์จากนักลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา (16-20 ก.ย.) เกินกว่า 1.9 แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากรอบวงเงินที่กระทรวงการคลังวางไว้ที่ 1.5 แสนล้านบาท
โดยผู้จัดการกองทุนฯ คาดว่าจะสามารถนำเม็ดเงิน เข้าลงทุนหุ้นไทยได้ในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเรามองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นไทยที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและให้ผลตอบแทนสูง
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) ธปท. ได้เปิดเผยรายชื่อผู้ยื่นขอใบอนุญาต Virtual bank จำนวน 5 ราย ได้แก่
1) KTB ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ADVANC และ OR
2) BTS ร่วมกับ BBL บริษัท Sea Group จากสิงคโปร์ เครือสหพัฒน์ฯ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย
3) SCB ร่วมกับ KakaoBank จากเกาหลีใต้ และ WeBank จากจีน
4) CP โดยบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด (ผู้ให้บริการ TrueMoney) ร่วมกับ Ant Financial Services Group ในเครือ Alibaba และ
5) Lightnet Group ฟินเทคไทย ร่วมกับ WeLab จากฮ่องกง
โดยจะประกาศรายชื่อผู้ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังในช่วงมิ.ย. 2025 และ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในมิ.ย. 2026 ซึ่งตลาดคาดว่าบริการ Virtual bank จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่ม Infra Tech
ด้านเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงาน VCM ของ Thai Plastic Chemical (TPC) ที่ SCC ถือหุ้นอยู่ 99% แม้ว่าจะสามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
แต่ SCC อาจได้รับแรงกดดัน เนื่องจาก บริษัทในเครือ SCC อย่าง ROC, MOC และ LSP ยังมีผลขาดทุนในการดำเนินงาน (EBITDA)
สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขการค้าไทยเดือนส.ค. ซึ่งตลาดคาดว่ายอดส่งออกไทยจะขยายตัว 6.0% yoy (vs. เดือนก.ค. +15.2%) และ ยอดนำเข้าจะขยายตัว 6.5% yoy (vs. เดือนก.ค. +13.1%)
• หุ้นแนะนำ
BCH : เราเชื่อว่าราคาของ BCH สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่สปส. อาจปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงและการที่จำนวนผู้ป่วยจากคูเวตฟื้นตัวช้าแล้ว
เราจึงมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ โดยเราเชื่อว่า BCH จะมี EPS เติบโตสูงกว่าคู่แข่งในปี FY24-26
(Take profit : 17.50 / Stop loss : 16.10)
CRC : เราเชื่อว่าการฟื้นตัวของยอดขายสินค้าแฟชั่น, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในเวียดนามน่าจะช่วยหนุนการเติบโตของ CRC ในปี FY25
(Take profit : 35.00 / Stop loss : 32.50)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon