CGSI : Trend Spotter

23

มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสาน โดยดัชนี DJIA และ S&P500 ปิดลบที่ 0.70% และ 0.19% ตามลำดับ ในขณะที่ Nasdaq ปิดบวกที่ 0.04% หลังนักลงทุนรอรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญเพิ่มเติม และ จับตาการแสดงความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ Fed รวมถึงนายเจอโรม พาวเวล

สำหรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง (Brent -2.27%) เนื่องจากลิเบียมีแนวโน้มยุติการระงับการผลิตและส่งออกน้ำมัน หลังความขัดแย้งในประเทศผ่อนคลายลง รวมถึงตลาดยังคงกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลงในจีนและสหรัฐ แม้ว่าการประชุม OPEC+ ได้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในช่วง
1) ระยะกลางเพิ่มขึ้น 8 แสน bpd เป็น 111 ล้าน bpd ในปี 2028 และ 112.3 ล้าน bpd ในปี 2029 และ
2) ระยะยาวปรับเพิ่มขึ้น 3 ล้าน bpd เป็น 118.9 ล้าน bpd ภายในปี 2045 และ 120.1 ล้าน bpd ภายในปี 2050

ตัวเลขเศรษฐกิจติดตามจำนวนคนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกวันนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.24 แสนราย และ รายงาน PCE รวมถึง Core PCE สหรัฐ ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.)

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1,455 – 1,475 จุด โดยมองแนวต้านที่ 1,465 และ 1,470 ตามลำดับ และ เราเชื่อว่าภาพรวม SET ยืนเหนือ 1,450 ได้ ถือเป็นสัญญาณบวกในเชิงเทคนิคอล

เมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) กระทรวงพาณิชย์รายงานการค้าไทยเดือนส.ค. ดีกว่าที่ตลาดคาด โดยตัวเลขส่งออกไทยขยายตัว 7.0% yoy ดีกว่าตลาดคาดที่ +6.0% yoy นำโดยสินค้าประเภทยางพารา (+64.8% yoy) และ ข้าว (+46.6%) และ ตัวเลขนำเข้าไทยขยายตัว 8.9% yoy ดีกว่าตลาดคาดที่ +6.5% yoy ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยในเดือนส.ค. เกินดุล 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยเราเชื่อว่ามูลค่าการส่งออกในปี 2024 จะยังคงขยายตัวเนื่องจาก 3Q เป็นช่วงไฮ-ซีซั่นของการค้า และ ความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสหรัฐใน 3Q24

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และ เป็นแรงกดดันต่อภาคส่งออกของไทย โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งการลดดอกเบี้ยของเฟด และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ส่งผลให้ฟันด์โฟลด์ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทย ซึ่งเรามองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่ม Domestic

อีกทั้งเงินเฟ้อของไทยที่อยู่ในระดับ 0.15% ต่ำกว่าที่ธปท. กำหนดไว้ที่ 1-3% ส่งผลให้ รมว. คลังได้มีการเตรียมหารือกับธปท. ในสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับนโยบายการเงินและการคลัง โดยเฉพาะการปรับอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดังนั้น เรามองว่าหุ้นกลุ่ม Domestic play ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหุ้นที่มีธุรกิจในต่างประเทศ หรือ External exposure อย่างหุ้นกลุ่มส่งออก กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม

• หุ้นแนะนำ
SHR : เราคาดว่า SHR จะมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) เพิ่มขึ้นใน 2H24 เนื่องจากโครงการปรับปรุงห้องพักเข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว

การขึ้นค่าห้องพักของโรงแรมบนเกาะสมุยอย่างมีนัยสำคัญหลังนักท่องเที่ยวยุโรปกลับมา รวมถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลใน UK เราคาดว่า SHR จะมีผลประกอบการฟื้นตัวใน 3Q24 และ จะได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะหนี้ต่างประเทศ

(Take profit : 2.52 / Stop loss : 2.26)

BCH : BCH เชื่อว่าจะมีโรงพยาบาลไทยสามแห่งอยู่ในรายชื่อนี้และบริษัทจะเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ได้รับคัดเลือก ซึ่งเรามีความเห็นตรงกับบริษัท

ราคาของ BCH น่าจะสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยลบไปหมดแล้ว เราจึงมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากกว่าคู่แข่งในช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าสะสมหุ้น

(Take profit : 17.70 / Stop loss : 16.80)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon