มิติหุ้น – นายสุรเชษฐ์ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ดีเอ็นเอ (Property DNA) ให้ความเห็นว่า คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน หรือกลุ่มคนที่มีอายุยังไม่ถึง 30 ปี ในปัจจุบัน อาจจะมองว่าการซื้อที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด เป็นการสร้างภาระระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแต่ความเสื่อม และไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งผลตอบแทนจาก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยต้องใช้เวลานานอาจจะมากกว่า 10 ปี เมื่อเทียบกับการลงทุนใน หุ้น สินทรัพย์ดิจิทัล หรือช่องทางอื่นๆ ที่สร้างผลตอบแทนได้เร็วกว่าและมากกว่า ใช้เงินลงทุนน้อยกว่ามาก และมีคนที่ประสบความสำเร็จให้เห็นในโลกปัจจุบันต่อเนื่องโดยเฉพาะในสังคมออนไลน์แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว คนที่สำเร็จอาจจะมีจำนวนไม่มาก แต่กลายเป็นบุคคลต้นแบบหรือตัวแทนความสำเร็จ ที่คนรุ่นใหม่เลือกที่จะเดินตาม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่
ต้องทำความเข้าใจ และพยายามหาข้อมูลประกอบเพื่อเดินตามคนเหล่านั้นด้วย ไม่ใช่แค่เปิดบัญชีการลงทุนแล้วจะสำเร็จได้ตามแบบพวกเขา ดังนั้นการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดก็ตามล้วนมีประโยชน์ และสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว หรืออาจจะสั้นๆ ได้ทั้งหมด ถ้ามีความเข้าใจในสินทรัพย์ ที่ลงทุน และสามารถที่จะรอคอยได้
รูปแบบการลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30 – 35 ปี ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตชัดเจน เพราะคนรุ่นนี้ มีความอดทนรอคอยได้ไม่นานเทียบเท่าคนในอดีต เพราะโลกปัจจุบันเอื้อประโยชน์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และมีผลให้ความอดทนของคนในยุคหลังๆ ลดน้อยลง ทำให้มองว่า การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาจจะไม่น่าสนใจ มีความเสี่ยงที่ชัดเจนจากเรื่องของอุปทานจำนวนมากในตลาด ใช้เงินลงทุนเยอะ เพราะราคาขายที่ปรับสูงขึ้น
สวนทางกับรายได้ของพวกเขา หรือถ้าจะลงทุนในทองคำก็เป็นการลงทุนที่ต้องใช้เวลาในการถือครองยาวนาน (ยกเว้นช่วงนี้ที่ทำAll Time High แทบทุกวัน) และต้องลงทุนจำนวนมากจึงจะเห็นผลตอบแทน
ส่วนการลงทุนในพระเครื่อง นาฬิกา หรือของสะสมต่างๆ ก็เป็นที่นิยมในวงแคบมากๆ โดยเฉพาะพระเครื่อง ที่แม้จะมีกลุ่มชาวต่างชาติให้ความสนใจลงทุน แต่ก็ไม่ได้มีความต้องการมากมายนัก ส่วนนาฬิกา หรือ ของสะสม อาจจะขายในตลาดต่างประเทศได้ คนรุ่นใหม่ที่ได้รับสินทรัพย์ประเภทนี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษจึงอาจจะมีการขายต่อหรือส่งต่อให้กับ นักลงทุนที่สนใจทันทีไม่ถือไว้นาน ส่งผลให้รูปแบบการลงทุนในอดีตเหล่านี้จึงไม่เป็นที่สนใจในสายตาของคนรุ่นใหม่ซึ่งความอดทนไม่มาก และไม่อยากรอคอยอะไรนานๆ ไม่ต้องการตำนานการสร้างตัว สร้างฐานะมากกว่า 10 ปี ทำให้หุ้น คริปโตเคอเรนซี่ อาจจะเป็นการลงทุนที่ถูกใจของคนรุ่นใหม่มากกว่า เพราะรวดเร็ว ง่าย เห็นเงินเร็ว และลงทุนได้ครั้งละ ไม่มาก แต่มีความเสี่ยงสูง ความผันผวนก็มาก
ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยแต่ละประเภท
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
การเปลี่ยนแปลงของราคาที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ดัชนี
การเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดิน
+35%
ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดิน
+48%
ดัชนีราคาอาคารชุด
+63%
ดัชนีราคาที่ดิน
+52%
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย หมายเหตุ: ดัชนีราคาอาคารชุดและที่ดินเป็นข้อมูลในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเท่านั้น
บทความโดย พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ (Property DNA) คุณสุรเชษฐ์ กองชีพ
ขณะที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถทำได้ แต่ต้องพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างก่อนจะลงทุน เพราะการลงทุนในอสังหาฯมีหลายประเภทและหลายรูปแบบ โดย 1 ในรูปแบบที่คนที่อายุมากกว่า 35 ปี ขึ้นไปคุ้นเคยและเห็นคนรุ่นก่อนหน้านี้ทำมานานแล้ว คือ การลงทุนใน “ที่ดิน” ซึ่งถ้าพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา พบว่าที่ดินในกรุงเทพฯ –ปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 52% จาก ปี 2557 แต่อาจจะมีบางพื้นที่ที่ราคาที่ดิน
ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เช่น พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ หรือบางพื้นที่ที่มีโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลเข้าไปลงทุน และเริ่ม การก่อสร้างแล้ว รวมไปถึงมีการกว้านซื้อที่ดินจากเอกชนเพื่อพัฒนาโครงการประเภทต่างๆ แต่ก็มีอีกหลายทำเลที่ราคาที่ดินไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นเลย หรือมีมูลค่าลดลงด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่ปัจจัยที่ส่งเสริมให้การลงทุนที่ดินยังคงเป็น 1 ในสินทรัพย์ที่น่าลงทุน คือ ที่ดินไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ แม้ว่าจะมีการถมทะเลสร้างที่ดินเพิ่มขึ้น แต่ทุกโครงการที่มีการถมทะเลล้วนเป็นโครงการที่พัฒนาโดยรัฐบาลหรือภายใต้การอนุญาตจากรัฐบาลทั้งนั้น
ส่วนการลงทุนในคอนโดมิเนียมอาจจะสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าที่ดิน เพราะราคาคอนโดฯในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงระหว่าง ปี 2557 – 2567 ประมาณ 63% และอาจจะมีหลายโครงการที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ในทำเลที่มีความต้องการสูง รวมไปถึงยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาว รูปแบบหนึ่ง โดยผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าฯในปัจจุบันอาจจะอยู่ในช่วง 4 – 7% ต่อปี หรือมากกว่านี้ แล้วแต่ทำเล และรูปแบบของโครงการ“แม้ว่าปัจจุบันการลงทุนในตลาดอสังหาฯอาจจะดูแล้วไม่น่าสนใจจากข่าวลบที่ออกมารายวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอสังหาฯโดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยจะลงทุนไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทย ที่อ้างอิงจากดัชนีผลตอบแทนรวม (Total Return Index: TRI) ณ 10 ปี อยู่ที่ 34% แต่ระหว่างทางก็มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงไปมาเช่นกัน ขณะท่าที่ดิน คอนโดฯหรือบ้านแนวราบค่อนข้าง
มีความคงที่มากกว่า แม้ว่าอาจจะมีภาระเรื่องของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ก็ยังสามารถรวมเข้าใปในราคาขายได้”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าการลงทุนในอสังหาฯเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบใหม่ๆ หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ คนรุ่นใหม่ ให้ความสนใจอาจจะสร้างผลตอบแทนได้ไม่มาก แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการเช่นเดิม เพราะไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นก็ตาม ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินก็ยังคงอยู่ ยกเว้นหากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงจริงๆ ที่บางพื้นที่มูลค่าของที่ดินหรืออสังหาฯอาจจะลดลงได้ แต่ถ้าจะลงทุนในอสังหาฯก็ควรต้องมีความรู้ และการศึกษาข้อมูลเหมือนการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบต่างๆ เช่นกัน
นอกจากนี้การลงทุนในอสังหาฯปัจจุบันยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของบุตรหลานหรือคนรุ่นหลังในอนาคตได้ เพราะ ที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มที่จะมีราคาเพิ่มขึ้นตลอด โดยเฉพาะโลกในอนาคตที่ไม่มีพรมแดน และภาษาอาจจะไม่ใช่ปัจจัยจำกัดในการทำงานหรือใช้ชีวิตอีกต่อไป รวมถึงการทำงานแบบ Hybrid Working อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนทำงานออฟฟิศ ทำให้ที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นที่ต้องการทั้งคนไทยและต่างชาติ สำหรับการซื้อขายเพื่ออยู่ถาวร หรือเป็นเพื่อการอยู่อาศัยในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น ที่เกิดจากการโยกย้ายถิ่นฐาน เพราะปัญหาบางอย่าง เช่น สงคราม โรคระบาด ศาสนา การเมือง แหล่งงาน และอาหาร
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon