สถาบันอ่อนแรง เงิน “วายุภักษ์” อยู่ไหน

484

  หมดแรงข้าวต้มหรืออย่างไร  สำหรับกองทุนวายุภักษ์ เพราะนับตั้งแต่แกรนด์โอเพนนิ่ง ตัดริบบิ้นเปิดกองเมื่อต้นเดือนต.ค. 67 ได้กระชากแรงซื้อสุทธิสถาบันในประเทศ ขึ้นมาเป็น 3 หมื่นลบ. จากก่อนหน้านี้ ม.ค.-ก.ย. 67 แต่ละเดือนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิหยอมแหยม 2-3 พันลบ.

ดังนั้นแรงซื้อที่เข้ามา เป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ “วายุภักษ์” แต่แล้วอะไรทำให้แรงซื้อของวายุภักษ์ ชะลอตัว

บทวิจัยของ บล.เอเซีย พลัส  ระบุว่า นอกจากปัจจัยต่างประเทศ กรณีการฟื้นตัวที่ช้าของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป การเมืองไทยกลายเป็นปัจจัยหลักกดดัน SET INDEX เนื่องจากกว่าจะมีความชัดเจนน่าจะอยู่ในช่วง ต้น-กลาง พ.ย.67 โดยฝ่ายวิจัยฯ ของแบ่งคดีทางการเมืองออกเป็น 2 เส้นทาง ดังนี้

1.วันที่ 24 ก.ย.67 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ได้ยื่น 6 คำร้องต่ออัยการสูงสุดให้ วินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เลิกทำการที่เป็นการใช้สิทธิและ เสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 แต่อัยการสูงสุดมิได้ ดำเนินการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องจึงทำให้10 ต.ค.67 นายธีรยุทธจึงได้ยื่นคำร้องเดิมต่อศาลรัฐธรรมนูญแทน

ล่าสุด 22 ต.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล รัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ให้มีหนังสือแจ้งอัยการ สูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวม พยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ ได้รับหนังสือ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าในช่วงต้น พ.ย.67

  1. ผู้ร้องหลายราย รวมถึงนายธีรยุทธ สุวรรณเกษรได้ยื่น 6 คำร้องยุบพรรคเพื่อไทยพรรคร่วมไปที่ กกต.ซึ่งล่าสุด กกต. ได้พิจารณาเห็นว่าคำร้องมีมูล ได้ให้สั่งให้ตั้ง กรรมการสอบยุบเพื่อไทยแล้ว (18 ต.ค.67) โดยมีกรอบระยะเวลาให้ดำเนินการให้แล้ว เสร็จภายใน 30 วัน แต่สามารถขอขยายได้อีกครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งต้องจับตาว่า กกต.จะมีผลการพิจารณาอย่างไร โดยหากเห็นว่า “ควรยุบพรรค” กกต.จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยในลำดับต่อไป คาดจะเห็นความ คืบหน้าของคดีดังกล่าวในช่วงกลาง พ.ย.67

โดยสรุป ปัจจัยภายนอกที่กดดัน และการเมืองไทยยังมีความร้อนแรง กดดันให้ SET INDEX มีโอกาสทยอยลดความร้อนแรงในขาขึ้น โดยฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าในช่วงต้นกลางเดือน พ.ย.67 น่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

ส่วนแรงจากสถาบันและกองทุนวายุภักษ์ เริ่มเห็นสัญญาณ แผ่วเบาลงเรื่อยๆ โดยพบว่า แรงซื้อสถาบันฯที่เข้ามาในเดือนต.ค. จากที่เคยสูงถึงกว่า 8 พันลบ. ต่อวันลดน้อยลงเรื่อย จนล่าสุดเมื่อวันที่  24 ต.ค. ที่ผ่านมาเหลือแรงซื้อเพียง 3.9 พันลบ. น้อยกว่า ค่าเฉลี่ยในปีนี้ที่ 4.4 พันล้านบาทต่อวัน แม้จะมีเม็ดเงินวายุภักษ์คอยหนุน

พอแรงซื้อสถาบันฯ ลดลง เริ่มเห็นการสลับมาขายสุทธิ หลังจากเดือนนี้ สถาบันฯ ซื้อสุทธิมา 14 วันทำการติดต่อกัน เริ่มขายสุทธิมาแล้ว 2 วันทำการ  และเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 67 ขายสุทธิ 690 ลบ. และ 24 ต.ค. ขายสุทธิสูงขึ้นเป็น 1.67 พันลบ.

ดังนั้น  SET INDEX อาจยังดูไม่ค่อย HEALTHY ขึ้นแค่บางกลุ่ม พร้อมกับแรงซื้อสถาบันฯที่ ถดถอยลง อย่างไรก็ดี ดัชนีที่ย่อตัวลงมาใกล้ๆ ต้นทุนกองทุนวายุภักษ์ที่ระดับ 1460 จุด ทำให้เชื่อว่าการย่อตัวของดัชนีน่าจะไม่รุนแรงเหมือนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

GULF-INTUCH สวยเข้าตา 

     “ประกิต สิริวัฒนเกตุ” กรรมการผู้จัดการ บลจ. เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่ไม่มีกองทุนLTF นักลงทุนสถาบันในประเทศแทบไม่ได้มีบทบาทในตลาดหุ้นไทย โดยมียอดซื้อสุทธิแต่ละเดือนเพียง 2 พันลบ.

แต่พอเข้าเดือนต.ค.  ที่มีวายุภักษ์พบว่า ยอดซื้อสุทธิของสถาบันพุ่งขึ้นถึง 3 หมื่นลบ.  แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แรงซื้อของสถาบันแผ่วลง สะท้อนให้เห็นว่า วายุภักษ์ชะลอลงทุน ทำให้ดัชนีเกิดการพักฐาน ถือเป็นเรื่องปกติเพราะขึ้นมา 200 จุดภายในระยะเวลา 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม วายุภักษ์ จะต้องเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยอยู่ เพราะมีอัพไซต์จากการลดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ และหากลดดอกเบี้ยอีกครั้งสำหรับการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือนธ.ค.67  ดัชนีหุ้นจะขยับเป้าหมายไปที่ระดับ 1,540 จุด

“หุ้นไทยจะพักตัวไม่นาน เพราะในเดือนหน้าจะมี Thai ESG การลงทุนของกบข. และในจังหวะที่ดัชนีพักตัวคิดว่าเป็นจังหวะเข้าลงทุนในหุ้น GULF และINTUCH แม้ว่าที่ผ่านมาจะขึ้นมาอย่างแรงแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากเมื่อ 2 บริษัทนี้รวมกิจการกันกลายเป็นบิ๊กแคปที่มีสตอรี่รองรับการเติบโต ซึ่งต่างจากบิ๊กแคปตัวอื่นที่มีจุดอ่อนเรื่องสตอรี่ในการการเติบโต”

สตอรี่ที่รองรับการเติบโตของ GULF และ INTUCH  นับเป็นเรื่องใหม่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และข้อสำคัญที่น่าสนใจที่สุดคือ GULF มียอด Outstanding short 2-3  พันลบ. ในขณะที่ราคาหุ้นทำ All Time High สะท้อนให้เห็นว่าคนที่ชอร์ตอยู่ขาดทุน และต้องรีบซื้อเพื่อ Cover Short ทำให้ GULF และ INTUCH ยังน่าสนใจอยู่

ส่วนธีมลงทุนในเฟสถัดไปเชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจสร้างแรงเก็งกำไรในหุ้นกลางและเล็กตามมา

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon