15 ปี ออริจิ้น กางพอร์ตพัฒนาอสังหาฯ EEC เบอร์ 1 สะสม 37,000 ล้าน ชูกลยุทธ์ “Origin EEC Empowered” ปั้นคอนโด-บ้าน-คลังสินค้า-บริการสู่ภาคธุรกิจ

76
มิติหุ้น  –   นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่สำคัญระดับท็อปของประเทศ และเป็นพื้นที่ที่เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ให้ความสำคัญในการเข้ามาบุกเบิกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นรายแรกๆ โดยตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทได้มีส่วนสร้างการเจริญเติบโตในพื้นที่ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ด้วยการพัฒนาโครงการทั้งคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร โรงแรม และคลังสินค้า สะสมในพื้นที่รวม 33 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการและมูลค่า REIT รวมกว่า 37,000 ล้านบาท และนับเป็นพอร์ตโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรที่สุดเป็นอันดับ 1 ใน EEC ขณะนี้
จากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทและหลากหลายเซ็กเมนท์ใน EEC บริษัทเล็งเห็นความสำคัญถึงการมีส่วนสนับสนุนภาคธุรกิจต่างๆ ที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่นี้ บริษัทจึงได้ผนึกกำลังกับทุกบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI บริษัท ออริจิ้น โฮเทล จำกัด (มหาชน) บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด และ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เดินหน้ากลยุทธ์ “Origin EEC Empowered” ส่งพลังสู่ EEC ด้วยการรวมสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในเครือมาเชื่อมโยงเป็นอีโคซิสเท็ม และส่งมอบโซลูชั่นบริการแก่ลูกค้าภาคธุรกิจ (Corporate) แบบครบจบในที่เดียว (One-stop service)
“เราประเมินว่าคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC ไม่ได้มีแค่ลูกค้าทั่วไป ตลาดใน EEC วันนี้ ยังขยายขอบเขตไปถึงกลุ่มลูกค้า Corporate ที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ และต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับพนักงานชาวไทยที่ย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดอื่น รวมถึงพนักงานชาวต่างชาติหรือ Expat ที่ย้ายถิ่นฐานจากต่างประเทศเข้ามาทำงาน เวลา Corporate เข้ามาจะไม่ได้หาแค่ที่อยู่อาศัย แต่ต้องการโซลูชั่นที่ช่วยให้สามารถทำทุกอย่างได้ง่ายขึ้น เราจึงรวบรวมที่อยู่อาศัยที่เราพัฒนาสะสมกว่า 12,000 ยูนิต โรงแรมทั้งในชลบุรี และระยอง 550 ห้องพัก พร้อมพื้นที่รองรับการจัดประชุมสัมมนา พื้นที่เช่าคลังสินค้า ตลอดจนบริการที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัย มารวมกันพร้อมเสิร์ฟในที่เดียว ซึ่งน่าจะช่วยให้แผนการขยายการลงทุนของบริษัทต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น”​ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายปธาน สมบูรณสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด หรือ ALPHA ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม ภายใต้การร่วมทุนระหว่างบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD กล่าวว่า โซน EEC เป็นพื้นที่ที่เศรษฐกิจเติบโตสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย GDP ทั้งประเทศ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนของภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะ 5 ปี (2567-2571) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตั้งเป้าหมายดึงดูดการลงทุนเข้ามาในพื้นที่มูลค่า 5 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท จึงส่งผลให้ความต้องการโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“โรงงานและคลังสินค้า คือจุดเริ่มต้นของอีโคซิสเท็มใน EEC ปัจจุบัน แอลฟา มีโครงการคลังสินค้าในพื้นที่ EEC ทั้งสิ้น 5 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่ารวมกว่า 199,000 ตร.ม. โดยบางส่วนทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ และได้ส่งมอบแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 มีอัตราการเช่าเฉลี่ยประมาณ 80% และคาดว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ส่วนที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกกว่า 87,000 ตร.ม. จะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 1/2568 อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าใน EEC อย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นว่า บริษัทมีความพร้อมรองรับทุกการลงทุนจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการดำเนินธุรกิจของลูกค้าทุกๆ ด้าน และเชื่อมต่อกับความครบวงจรของสินค้าและบริการอื่นๆ ในเครือออริจิ้น” นายปธาน กล่าว
ด้านนายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI กล่าวว่า EEC เปรียบเสมือน Destination hub หรือจุดหมายปลายทางของการลงทุนทางธุรกิจ โดยเฉพาะการตั้งโรงงานผลิตของธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของทั้งแรงงานชาวไทย และชาวต่างชาติ เพิ่มมากขึ้น โดยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 มีการยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนใน EEC ถึง 179,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 17% โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีประชากรในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้นอีกราว 1.2-1.5 ล้านคนภายในปี 2580
 
ทั้งนี้ PRI พร้อมร่วมเชื่อมโยงอีโคซิสเท็มภายใต้กลยุทธ์ “Origin EEC Empowered” ด้วยการนำ The exceptional prime service จากทุกบริษัทในเครือพรีโม มาส่งมอบบริการที่สมบูรณ์แบบให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในทุกมิติ สู่ภาค EEC ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ที่มีความต้องการบริการที่แตกต่างกัน
สำหรับเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นผู้นำที่เข้ามาบุกเบิกโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ EEC มีโครงการขนาดใหญ่เป็นโครงการมิกซ์ยูสถึง 2 แห่ง ได้แก่ ออริจิ้น สมาร์ท ดิสทริค ศรีราชา แหลมฉบัง และออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง มีโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่หลากหลายแบรนด์ อาทิ เคนซิงตัน ไนท์บริดจ์ ดิ ออริจิ้น โซ ออริจิ้น บริกซ์ตัน มีโครงการบ้านมิกซ์โปรดักท์ภายใต้แบรนด์บริทาเนีย มีโรงแรมภายใต้เครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) ที่เปิดให้บริการใน EEC แล้ว 2 แห่ง ได้แก่ ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง ฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส ระยอง มีคลังสินค้าภายใต้แบรนด์แอลฟา อาทิ โครงการแอลฟา แหลมฉบัง และแอลฟา พานทอง
ทั้งนี้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 163 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 253,198 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon