CGSI : Trend Spotter

40

มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นมาปิดในแดนบวกหลังจากร่วงลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนี DJIA +273 จุด S&P500 +15 จุด และ Nasdaq +49 จุด เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังรายงานผลประกอบการ 3Q24 ที่แข็งแกร่งจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ Magnificent 7 (Alphabet, Meta Platforms, Apple, Microsoft และ Amazon) ที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้

รวมถึง sentiment บวกจากสถานการณ์ Geopolitics ที่คลี่คลายลง หลังอิสราเอลหลีกเลี่ยงการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันหรือโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน สนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงลงกว่า 6%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผันผวน ส่งผลให้นักลงทุนยังคงจับตา
1) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนการประชุมของ Fed ในสัปดาห์หน้า (6-7 พ.ย.) โดยวันนี้ ติดตาม รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB เดือนต.ค. และ ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS เดือนก.ย. และ

2) การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (5 พ.ย.) ซึ่งจากผลสำรวจล่าสุด ระบุว่า ทรัมป์ ซึ่งมีนโยบายไปทางชาตินิยม (America First) มีโอกาสที่สูงที่จะชนะการเลือกตั้งมากกว่า

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งผันผวนในกรอบ 1,445-1,465 จุด เราเชื่อว่า SET จะสามารถยืนเหนือ 1,450 ได้ แม้ว่าตลาดจะถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่อาจแข็งค่าขึ้น หลังผลสำรวจชี้ว่า ทรัมป์ มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม
เราเชื่อว่าตลาดจะมีแรงสนับสนุนจาก sentiment บวก ตามตลาดภูมิภาค และ มองเป็นจังหวะซื้อสะสมหากหลุดบริเวณดังกล่าว หรือ 1,450 จุด

สำหรับใน 1H25 เราคาดว่าหุ้นที่จะเข้า SET50 ได้แก่ BANPU SAWAD COM7 TCAP ในขณะที่ หุ้นที่เราคาดว่าจะออก ได้แก่ BCP CENTEL EA TIDLOR และ เราคาดว่าหุ้นที่จะเข้า SET100 ได้แก่ JTS CCET COCOCO PR9 ส่วนหุ้นที่เราคาดว่าจะออก ได้แก่ MBK RBF TIPH TOA โดยเราคาดว่าตลาดหลักทรัพย์จะมีการประกาศในช่วง 13 – 18 ธ.ค. และ เริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025

ประเด็นสำคัญ เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) ได้แก่

1) ที่ประชุมนักวิเคราะห์ผลประกอบการ 3Q24 ของ Delta เรามองว่าโมเมนตัมสำหรับธุรกิจส่วน Data center ยังคงเป็นบวก และ ยังคงมีความล่าช้าของ GPU Blackwell ในขณะที่ เป้าหมายการเติบโตของธุรกิจส่วนรถยนต์ EV ถูกปรับลดลง ด้านธุรกิจอื่นๆ ในส่วนคมนาคมยังคงอ่อนแอ และ การเติบโตยอดขายในอินเดียยังคงเป็นบวก แต่มีโมเมนตัมการเติบโตที่ชะลอตัวจากความท้าทายของการจัดหาวัตถุดิบ และ

2) ตัวเลขการค้าไทยเดือนก.ย. โดยตัวเลขส่งออก เติบโตที่ 1.1% yoy และ ดุลการค้า เกินดุล 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าตลาดคาด มีเพียงตัวเลขนำเข้าที่ขยายตัว 9.9% yoy สูงกว่าตลาดคาด ซึ่งสินค้าที่มีการส่งออกขยายตัวมากที่สุด ได้แก่ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร นำโดยข้าว และ ยางพารา และ ตลาดที่มีการส่งออกไปมากที่สุดยังคงเป็นสหรัฐฯ

เราคาดว่าการส่งออกจะเติบโต 3.5% ในปี 2024F จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธปท. และ Fed รวมถึงยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน

• หุ้นแนะนำ
ITC : เราเชื่อว่ารายงานตัวเลขส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือนก.ย. ที่เติบโต 21.5% yoy และ กระแส Pet Humanization หรือ การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว ที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยบวกต่อ ITC
(Take profit : 27.00 / Stop loss : 24.00)

BCH : BCH underperform คู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ YTD จากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยชาวคูเวตที่ลดลงและการที่ประกันสังคมปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะมีข่าวเชิงบวกทั้งสองประเด็นเร็วๆ นี้ (ติดตามการประชุมบอร์ดแพทย์ สปส. นัดที่สอง วันนี้)

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดโรงพยาบาลใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตและขยายฐานลูกค้า และ เราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักจากผู้ป่วยชาวต่างชาติ
(Take profit : 19.70 / Stop loss : 17.70)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon