
สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในช่วงการเลือกตั้งนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้แนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตอย่างระมัดระวัง โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้น และทองคำ ส่วนในพอร์ตหุ้นเน้นลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะได้ผลบวกจากนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล ในขณะที่หุ้นในตลาดเกิดใหม่ให้เน้นลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียและญี่ปุ่นที่ตลาดเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างมากกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคและไม่ถูกกดันจากประเด็นดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า
“หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ พุ่งขึ้น และดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า เนื่องจากนโยบายหาเสียงหลักของทรัมป์ เช่น การขึ้นกำแพงภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนและประเทศอื่นๆ รวมถึงการพยามเนรเทศแรงงานผิดกฎหมายจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการลดดอกเบี้ยของ Fed โดย TISCO ESU ประเมินว่าการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก 10% และสินค้าจากจีน 60% ตามที่ทรัมป์หาเสียงจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ เพิ่มขึ้นราว 1% ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ค้างอยู่ที่ราว 3% Fed อาจลดดอกเบี้ยลงไปได้อย่างต่ำสุดที่ 4% สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าดอกเบี้ยจะลดลงไปถึงระดับ 3.5% ในขณะที่นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาจะทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น และต้องกู้เงินผ่านการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บอนด์ยิลด์พุ่งขึ้นเพื่อดึงดูดให้นักลงทุนซื้อพันธบัตรในปริมาณที่เพิ่มขึ้น โดยTISCO ESU ประเมินว่าบอนด์ยิลด์อาจขึ้นไปยืนเหนือ 4.5% หากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง” นายคมศรกล่าว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon