CGSI : Trend Spotter

32

มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน ดัชนี DJIA ปรับตัวลงเล็กน้อยแทบไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ยังคงปรับตัวขึ้นปิดทำนิวไฮ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ (Apple +2.1%, Nvidia +2.3%, Meta Platforms +3.4%) ตอบรับ Fed มีมติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.50%-4.75% สอดคล้องกับที่ตลาดคาด ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวลดลง

แถลงการณ์ของ FOMC ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัว และ ตลาดแรงงานโดยทั่วไปผ่อนคลายลง ในขณะที่ อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% มากขึ้น

ด้านนายเจอโรม พาวว์เวล ประธาน Fed ไม่ได้ให้สัญญาณที่ชัดเจนถึงรายละเอียดการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต โดยระบุว่า Fed จะปรับและประเมินนโยบายการเงินให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสมตามข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยออกมา

รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อื่นๆที่สำคัญ เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) ได้แก่
1) จำนวนคนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 2.21 แสนราย ต่ำกว่าตลาดที่ 2.23 แสนราย และ
2) ประสิทธิภาพในการผลิตแรงงานนอกภาคเกษตรใน 3Q24 เพิ่มขึ้น 2.2% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.5%

จากนี้ ติดตาม การดำเนินงานนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ ที่จะส่งผลต่อสภาพการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมโลก โดยเฉพาะมาตรการด้านภาษี การผ่อนคลายการควบคุมการเงินและกฎระเบียบสำหรับคริปโต รวมถึงการหาผู้ว่าธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ตามที่หาเสียงไว้

ประเด็นสำคัญตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น ได้แก่ ดัชนี FTSE100 ที่ปรับตัวลดลง 25.9 จุด หลัง BoE มีมติ 8-1 เสียง ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.75% สอดคล้องกับที่ตลาดคาด

• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวบริเวณ 1,460-1,475 จุด

แม้ตลาดอาจได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า SET จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบหลังการเมืองสหรัฐฯ ยังคงต้องรอความชัดเจนในแง่จำนวนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ที่จะส่งผลต่อความราบรื่นในการบังคับใช้กฎหมายของทรัมป์ รวมถึงการดำเนินนโยบายต่างๆ

• หุ้นแนะนำ
CPN : เราคาดว่าศูนย์การค้าจะมีรายได้ค่าเช่าแข็งแกร่ง, ธุรกิจ Non-retail อย่างอสังหาฯ และโรงแรมมีรายได้เติบโตสูง อีกทั้ง CPN ยังมีการประเมินมูลค่าน่าสนใจ
(Take profit : 64.75 / Stop loss : 62.00)

CK : เมื่อวันที่ 4 พ.ย. CK เซ็นสัญญามูลค่า 6.8 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอด backlog เพิ่มขึ้นเป็น 2.21 แสนล้านบาทหรือเทียบเท่ากับรายได้ 5 ปี ซึ่งเรามองว่าเป็นระดับที่ปลอดภัย เราคาดว่า CK จะมี EPS เติบโตสูงจากยอด backlog ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้กำไรสุทธิยังคงเติบโตช่วง2-3ปีข้างหน้า เราจึงเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อและยังแนะนำ “ซื้อ”
(Take profit : 19.90 / Stop loss : 16.90)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon