“WHA Group” ฟอร์มเด่น โชว์กำไรปกติ 9 เดือนแรกปี 2567 แตะ 3,312 ล้านบาท โต 71% (Y-Y) บอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาทต่อหุ้น จ่อ XD วันที่ 21 พ.ย.นี้

53

มิติหุ้น –  บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA Group) แจ้งงบผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2567  ฟอร์มเด่น หนุนรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 9,954 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% (Y-Y) แบ่งเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 10,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติ 3,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% (Y-Y) ล่าสุดบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวด 9 เดือน หุ้นละ 0.0669 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 21 พ.ย. และกำหนดการจ่ายเงินปันผลวันที่ 6 ธ.ค. 2567 ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” เผยกำลังเจรจาลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์อีกหลายโครงการ ประกาศปักหมุดประเทศไทยเป็นเป้าหมายการลงทุนอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมเตรียมรับรู้รายได้การขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHAIR ประกาศการันตีความสำเร็จจากเวที SET Awards 2024 หลังคว้ารางวัล Best Sustainability Awards โดยเป็นการได้รางวัลในกลุ่ม Sustainability Excellence 4 ปีซ้อน ตอกย้ำการเป็นองค์กรต้นแบบที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจในทุกมิติ  

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,681 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 459 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% และกำไรปกติ 757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% (Y-Y) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 9,954 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,113 ล้านบาท โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% และกำไรปกติ 3,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% (Y-Y) จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.0669 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 พฤศจิกายน และกำหนดการจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 6 ธันวาคม 2567 สอดคล้องกับการจัดอันดับเครดิตองค์กรโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และแข็งแกร่ง ของ 4 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ รวมถึงการขายทรัพย์สินเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR)

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิว เอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 เติบโตอย่างโดดเด่น เป็นผลจากการขับเคลื่อนของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค (น้ำและไฟฟ้า) และธุรกิจดิจิทัล สอดรับกับกระแสการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิตที่ดึงดูดการเข้ามาลงทุนแบบระยะยาวจากหลายภาคอุตสาหกรรมให้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจโลจิสติกส์ มีผลงานการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยงวด 9 เดือนแรกมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน / คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 84,658 ตร.ม. และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 100,520  ตร.ม. โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,010,488 ตร.ม. ส่งผลให้ไตรมาส 3

และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้ารวม 404 ล้านบาท และ 1,123 ล้านบาท ตามลำดับ

ล่าสุดโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 ได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต/จัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน พื้นที่ราว 16,000 ตร.ม. และเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทดังกล่าวยังเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มอีกราว 17,000 ตร.ม. ส่วนโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจกต์ที่ 3 ล่าสุดมีลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่เพิ่มประมาณ 25,000 ตร.ม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าที่สนใจเช่าพื้นที่อีกหลายราย โดยมียอดเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ (pre-signed) ล่วงหน้า รวมถึงโครงการที่ได้รับการคัดเลือก (award) จากกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูงเพิ่มเติมเป็นพื้นที่รวมกว่า  60,000 ตร.ม.

ส่วนธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ “โมบิลิกส์ “(Mobilix)” โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรแห่งแรกของไทยที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริการติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จ พร้อมด้วย Mobilix Software Solution ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าภาคธุรกิจ และหลังจากที่ได้เปิดให้ทดลองใช้งาน Mobilix Software Solution ไปก็ได้รับผลตอบรับที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีลูกค้าภาคธุรกิจเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแล้วทั้งสิ้น 281 คัน

“สำหรับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด “WGCL” ล่าสุดได้มีการจัดงานเปิดตัว WGCL Grand Opening ณ ศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศ จังหวัดระยอง เป็นการสะท้อนสถานะสู่การเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GC และ WHA เพื่อตอกย้ำการพัฒนาธุรกิจมุ่งสู่การสร้างความแข็งแกร่งให้กับ WGCL ทั้งด้านความเชี่ยวชาญ จุดแข็ง และความเป็นผู้นำในตลาดโลจิสติกส์และปิโตรเคมีของทั้งสองบริษัท”

ส่วนแผนการขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR ในปี 2567 ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHAIR มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ มีแผนจำหน่ายทรัพย์สินประเภทคลังสินค้าพื้นที่เช่ารวม 40,172 ตร.ม. เป็นมูลค่าราว 1,065 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2567

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ ปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2567 เป็น 2,500 ไร่ โดย 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 1,791 ไร่ (ไทย 1,695 ไร่ / เวียดนาม 96 ไร่) และยอดเซ็น MOU คงค้างรวม 904 ไร่  (ไทย 872 ไร่ / เวียดนาม 31 ไร่) โดยในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 974 ล้านบาท และ 4,565 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จำนวนยอดการโอนที่ดินเติบโตกว่า 56% จาก 9 เดือนแรกของปีก่อน ประกอบกับราคาขายที่ดินมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับภาวะการลงทุนที่ได้รับปัจจัยบวกจากกระแสการย้ายฐานการลงทุน/ การผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 1,259 ไร่ (ไทย 1,225 ไร่ / เวียดนาม 33 ไร่)

โดยในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินให้กับ Google บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีแผนสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทย และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความต้องการใช้พื้นที่อุตสาหกรรมอีกหลายโครงการ สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนของอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์

โดย ณ ไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด 78,000 ไร่  สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบัน WHA Group มีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 12 แห่งและยังมีโครงการขยาย/พัฒนานิคมฯ ใหม่ 6 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 10,000 ไร่ ส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,390 ไร่

ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม ปัจจุบันมีเขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างกำลังพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน เฟส 1 และเฟส 2 พื้นที่รวม 3,125 ไร่ (500 เฮกตาร์) ซึ่งได้เปิดดำเนินการแล้ว และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน โดยเฟส 1 มีพื้นที่ 1,181 ไร่ (189 เฮกตาร์) คาดว่าจะได้รับอนุมัติใบอนุญาตโครงการภายในปีนี้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam บนพื้นที่รวม 9,690 ไร่ (1,550 เฮกตาร์)

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) มีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 812 ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม สำหรับไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 รวมเท่ากับ 42.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 125.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ

ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 32.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 99.0 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่มจากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น โดยรวมนั้นมียอดขายและบริหารน้ำที่เติบโตขึ้นเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ขณะที่ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดิบในไตรมาส 3/2567 มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากกลุ่มลูกค้าพลังงานที่มีการผลิตลดลง

“โดยบริษัทฯ มีปัจจัยบวกจากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งได้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา อาทิ โครงการซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพื่อใช้ภายในโรงงาน GC ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) เป็นต้น”

ขณะที่ปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนาม ปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มียอดจำหน่ายน้ำรวมตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 26.8 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายน้ำของโครงการ Doung River ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่การให้บริการ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 2 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ธุรกิจไฟฟ้า  บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 357 ล้านบาท และ 1,063 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้ารวมปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติของโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ลดลงจากการรับรู้การบันทึกต้นทุนถ่านหินที่สูงในช่วงก่อนหน้า และการแข็งค่าของเงินบาททำให้ได้รับค่า energy payment ลดลง

สำหรับธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Rooftop เพิ่ม 24 สัญญา กำลังการผลิตรวม 13 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม 269 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 944 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 697 เมกะวัตต์ และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 247 เมกะวัตต์

“บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed in Tariff เฟส 1 รวม 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวน 85 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในส่วนที่เหลืออีก 1 โครงการ จำนวน 40 เมกะวัตต์ ภายในปีนี้ และกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572-2573”

ธุรกิจดิจิทัล WHA Group มุ่งยกระดับการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัทฯ มุ่งสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 ภายใต้ภารกิจ Mission To The Sun (MTTS) ที่เน้นพัฒนาโครงการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล สร้างผลิตภัณฑ์ และมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมทั้งเร่งขับเคลื่อนองค์กรไปสู่องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ในปี 2568 ที่มุ่งส่งเสริมศักยภาพของธุรกิจใน WHA Group สู่การสร้างรายได้จากการให้บริการแพลตฟอร์ม ดิจิทัลใหม่ๆ ควบคู่กับการพัฒนาความเชี่ยวชาญของทีมเทคโนโลยี

บริษัทฯ ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน Techsauce Global Summit 2024 ด้วยการสร้างสรรค์ WHA Experience Zone ที่โชว์ไฮไลต์นวัตกรรมและเทคโนโลยีในระบบนิเวศของ WHA พร้อมเผยเบื้องหลังความสำเร็จของการพลิกโฉมองค์กรสู่การเป็น Tech & Sustainable Company เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัว Mobilix ที่เป็นกรีนโลจิสติกส์โซลูชันแบบครบวงจรครั้งแรกของไทยที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนด้าน
โลจิสติกส์ไปพร้อมๆ กัน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ AI Transformation จำนวน 12 โครงการ ที่มุ่งเน้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์และต่อยอดสร้างเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อาทิ Solar Anomaly ตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นกับแผงโซลาร์เพื่อการดูแลรักษาที่รวดเร็ว Solar Forecasting ประเมินและคาดการณ์ปริมาณแสงแดดล่วงหน้า และ RO System Performance Forecasting ที่ใช้ Data Analytics เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น

และเพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ WHA Group ล่าสุดบริษัทฯ คว้ารางวัล “HR Asia: Best Companies to Work for in Asia” และรางวัล “HR Asia: Sustainable Workplace Awards” จัดโดย HR Asia นิตยสารชั้นนำ ด้านทรัพยากรบุคคลของภูมิภาคเอเชีย และรางวัล MEA ENERGY AWARDS 2024 ประเภทอาคารสำนักงานภายใต้โครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ตลอดจน WHAID บริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทก็ได้คว้า 7 รางวัลนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในงาน Eco Innovation Forum 2024 จัดขึ้นโดยสถาบันการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ล่าสุด WHA Group ยังได้รับรางวัล Best Sustainability Awards โดยเป็นการได้รางวัลในกลุ่ม Sustainability Excellence จากงาน SET Awards 2024 เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ตอกย้ำการเป็นองค์กรต้นแบบที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ ผ่านการดำเนินงานตามกรอบ ESG สู่เป้าหมายความยั่งยืนที่สอดคล้องกับสหประชาชาติ และมาตรฐานสากลในทุกมิติ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการประเมินตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2567 (CGR) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) อยู่ในระดับ ‘ดีเลิศ (Excellent)’ หรือ ‘5 ดาว’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ทริสเรทติ้ง ก็ได้ประกาศให้อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน ของบริษัทใน 4 กลุ่มธุรกิจ

พร้อมกันนี้ “คุณจรีพร จารุกรสกุล” Group CEO ยังได้รับรางวัล Real Estate Personality of the Year Award 2024 สำหรับนักธุรกิจที่มีความโดดเด่นในด้านของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอาเซียน จาก Property Guru สื่อชั้นนำในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอาเซียน รางวัล “CEO of the Year 2024” จัดโดย Bangkok Post ที่มอบให้ผู้นำที่โดดเด่น BEST CEO IN VISIONARY LEADERSHIP ในโลกธุรกิจ ภายใต้การเป็นผู้นำที่โดดเด่น มีวิสัยทัศน์ สร้างสรรค์นวัตกรรม พร้อมขับเคลื่อนสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน และรางวัล Thailand Headline Person of the year 2024 สาขาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเชิดชูบุคคลยอดเยี่ยมแห่งปี

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon