COM7 เผยภาพรวม Q3/67 กวาดกำไร 709 ล้านบาท โต 16% ยิ้มรับ Q4 ไฮซีซั่น – iPhone ยอดขายทรงดี – เปิดตลาดรุก Solar

387

มิติหุ้น  –  COM7 โชว์ผลงานไตรมาส 3/67 ออกมาแจ่ม รายได้ 17,983.5 ล้านบาท โต 10.2 % ส่วนกำไร 708.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9 % หลังมีหลายปัจจัยบวกหนุนความต้องการสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคและการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง iPhone16 แม้ต้องเผชิญภาวะสินค้าขาดแคลนและส่งมอบช้า แต่กลับมาพีคขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูไฮซีซั่น เตรียมรับยอดขายสมาร์ทโฟนและสินค้าใหม่หนุน เปิดเกมบุกตลาด Solar รับเทรนด์รักษ์โลก มั่นใจเป้ารายได้ปีนี้โต 10 % ตามที่วางไว้ ด้านสาขาสิ้นปีคาดมี 1,325 แห่งทั่วประเทศ

นางสนธยา ธัง Chief Marketing Officer บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยผลประกอบการบริษัทฯ ไตรมาส 3/67  ว่า รายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 17,983.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 16,320.8 ล้านบาท สำหรับกำไรส่วนของบริษัทใหญ่เท่ากับ 708.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 611.4 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 13.3 % ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 13.4 % รวมถึงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 13.5 % นอกจากนั้น บริษัทยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากบริษัทร่วม เท่ากับ 14.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 155.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5.8 ล้านบาท

“ช่วงไตรมาส 3 มีปัจจัยบวกหลายอย่าง โดยเฉพาะจากมาตรการภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจและผลจากการเปิดตัว iPhone16 แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนสินค้าและการส่งมอบที่ล่าช้าออกไป แต่บริษัทได้ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้ยังเห็นผลสะท้อนชัดเจนว่า ยังมีความต้องการของตลาดสูงอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค ขณะที่สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของบริษัทฯ สร้างการเติบโตในระดับ Double Digits ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาด  และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี ทำให้แนวโน้มกำไรแข็งแกร่งขึ้น” นางสาวสนธยา ธัง กล่าว

ทั้งนี้  ณ สิ้นเดือนกันยายน 67 ที่ผ่านมา คอมเซเว่นมีจำนวนสาขาทั้งหมด 1,301 แห่ง ในไตรมาส 4 คาดจะเปิดเพิ่ม 24 แห่ง รวมทั้งปีคาดมี 1,325 แห่ง ทั่วประเทศ

นายจรัสพงษ์ ประเสริฐสกุล Head of sales and operations กล่าวต่อว่า ภาพรวมบริษัทในกลุ่ม แม้ยังมีผลการดำเนินงานไม่โดดเด่น แต่ภาพรวมมีการเติบโตที่ดีขึ้น ทั้งธุรกิจเช่าซื้อสินค้าภายใต้ UFund (Thunder FinFin) ที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้า Apple ได้ง่ายขึ้นมีอัตราการอนุมัติที่ดีขึ้น ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงอย่างรัดกุม ด้าน iCare ประกันภัย เริ่มเข้ามาขยายตลาดจริงจังในไตรมาสแรกปีนี้ เห็นยอดขายที่มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง

นอกจากนี้ เพื่อขยายไปยังตลาดใหม่ที่เป็นเทรนด์ของการรักษ์โลก ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยของบริษัทเข้าร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่ ชื่อ บริษัท โซลาร์ ไนน์ จำกัด เพื่อดำเนินกิจการจัดจำหน่ายโซลาร์เซลล์ โดย บริษัท คอมเซเว่น โฮลดิ้ง จำกัด จะถือหุ้น 60 % ของทุนจดทะเบียน และนายขวัญชัย มยุรศิริพงษ์ ถือหุ้นสัดส่วน 40 % ของทุนจดทะเบียน สำหรับวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจและประกอบกิจการอื่นที่สืบเนื่องกับธุรกิจหลัก โดยใช้เงินสดจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเป็นเงินลงทุน เพื่อขยายตลาดรับทิศทางพลังงานทดแทนมีแนวโน้มเชิงบวก และได้อานิสงส์ภาครัฐสนับสนุน เปิดจำหน่ายไปแล้วในไตรมาส 3 ในร้าน BaNANA จำนวน 41 จุดขาย และจะเปิดอีก 59 จุดขายในไตรมาส 4 รวมเป็น 100 จุดขาย รุกตลาด Solar เต็มตัว

สำหรับภาพรวม iPhone16 ที่เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา และเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 20 กันยายน 67 ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดจอง โดยยอดจองเพิ่มขึ้นประมาณ 34 % สะท้อนกระแสความสนใจของสินค้า ขณะที่ข้อจำกัดในเรื่องอุปทานสินค้าที่มีจำกัดในช่วงเปิดตัวล็อตแรก เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อน มีจำนวนลดลง อีกทั้ง การมีจำนวนประเทศ Tier1 ที่จำหน่าย iPhone ล็อตแรกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในเดือนกันยายน ยอดขายในช่วงเปิดตัวเดือนกันยายนยังเข้ามาไม่เต็มที่นัก แต่กลับมาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเดือนตุลาคม พร้อมด้วยการจัดกิจกรรมการตลาด และแคมเปญ Trade in Plus กระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลให้ COM7 มีทราฟฟิคคนเข้ามาประเมินราคาเพิ่มขึ้น และสนับสนุนยอดขายที่ได้จากเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ เติบโตขึ้นถึง 40%

ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 4/67 ยังคาดจะเป็นไตรมาสที่ดีของปี จากการเปิดตัวสินค้าใหม่และสร้างยอดขายเข้ามาต่อเนื่อง ได้แก่ Apple Watch Series10, iPad Mini รวมทั้ง Airpod และ Mac Book รุ่นใหม่ กระแสตอบรับค่อนข้างดี พร้อมกับการให้ความสำคัญในการให้บริการ สร้าง Customer Experience รวมทั้ง สร้างแบรนด์ Studio7 และ Banana ให้แข็งแกร่ง รุกตลาดในรูปแบบ Omni Chanel ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเพิ่มเติมที่ช่วยส่งเสริมความมั่นใจในไตรมาส 4/67 อีก นั่นก็คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการ 10,000 บาท ที่เริ่มส่งผลบวกต่อการเติบโตในกลุ่มของสมาร์ทโฟนระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าสมาร์ทโฟนได้กลายมาเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับลูกค้าในกลุ่มนี้เช่นกัน ทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มส่งสัญญาณขาลงก็ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้วย

ไม่หมดเท่านี้ เพื่อต่อยอดจากการเป็นผู้นำในตลาด Smart Phone และ iPhone รายใหญ่ของประเทศไทย เรามุ่งเน้นพัฒนาและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเรา จึงพัฒนา Case Club ร้านที่เข้ามาตอบโจทย์การใช้เคสโทรศัพท์ เปิดแล้ว 5 สาขา และช่องทางออนไลน์ https://caseclub.in.th โดยเอ็กซ์คลูซีฟกับแบรนด์และดีไซเนอร์ในประเทศไทย  ทั้งลูกค้ายังสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมตามสไตล์ของตัวเอง (Personalization) ได้อีกด้วย ถือเป็นการเปิดธุรกิจใหม่ในกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างดี

บริษัทฯ จึงยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2567 จะเติบโต 10 % จากปีก่อนที่ทำได้ 69,559.5 ล้านบาท พร้อมกับให้ความสำคัญในการบริหารงานตามหลัก ESG และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ล่าสุด คว้ารางวัล CGR 2024 ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน และรับมอบประกาศนียบัตรรับรองการต่ออายุเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 จากงาน CAC Certification Ceremony 2/2024 “Navigating ESG : The Power of Integrity” จัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon