SELIC ดีเดย์ ย้ายจาก mai เข้า SET เริ่ม 26 พ.ย. นี้ ปักธงเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน หนุนแผนธุรกิจในอนาคต

17

มิติหุ้น  –  นายณรงค์ สุวัฒนพิมพ์ รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรมที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม (Specialty and High Performance Adhesive) เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า การย้ายกระดานซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) สู่กระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ของ บมจ.ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อการยกระดับองค์กรเข้าสู่แหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนกับบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น

โดย บมจ.ซีลิค คอร์พ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของ บจ. mai ที่จะย้ายเข้าซื้อขายใน SET มีดังนี้ 1.มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาทขึ้นไป 2.ส่วนผู้ถือหุ้นมากกว่า 300 ล้านบาทขึ้นไป 3.มีกำไรสุทธิในระยะเวลา 2 ปี หรือ 3 ปี ล่าสุดก่อนยื่นคำขอรวมกันมากกว่า 50 ล้านบาท โดยในปีล่าสุดก่อนยื่นคำขอมีกำไรสุทธิมากกว่า 30 ล้านบาท และมีกำไรสะสมก่อนยื่นคำขอ 4.มีราคาพาร์ไม่ต่ำกว่า 0.50 บาท และ 5.มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 1,000 รายขึ้นไป

สำหรับภาพรวมธุรกิจภายในปี 2567 คาดบริษัทฯ สามารถเติบโต 10-15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรอบ 9 เดือนของปี 67 บริษัทฯ ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,591.01 ล้านบาท เติบโต 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเข้ามาในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ และมีกำไรขั้นต้น 467.68 ล้านบาท เติบโต 25.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 29.6% จากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการพัฒนาขึ้นจากกำไรขั้นต้น ของธุรกิจกาวอุตสาหกรรม และธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 523.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ก้าวต่อไปของซีลิคจะเน้นเดินหน้าธุรกิจแบบเต็มสูบ โดยให้ความสำคัญกับ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จากการมีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งแบบ B2B และ B2C รวมถึงสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่พอเหมาะ ทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะที่ท้าทายได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโต หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายและบริการทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon