มิติหุ้น – Trend Spotter
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงในช่วงแรกของการซื้อขาย ก่อนกลับขึ้นมาปิดในแดนบวก หลังตลาดรับรู้ประเด็นนโยบายเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโกและแคนาดาของทรัมป์ไปพอสมควรแล้ว และเริ่มผ่อนคลายความกังวลต่อว่านโยบายนี้อาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ นักลงทุนได้ประเมินรายงานการประชุมของ FOMC (6-7 พ.ย.) ที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะพิจารณาจากข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อที่ระดับเป้าหมาย 2%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญเมื่อคืนนี้ ได้แก่ รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. จาก CB ที่ระดับ 111.7 สอดคล้องกับที่ตลาดคาด (vs. เดือนต.ค. 109.6) ในขณะที่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. ลดลงจากเดือนก.ย. 1.28 แสนยูนิต สู่ระดับ 6.1 แสนยูนิต ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 7.25 แสนยูนิต
สำหรับประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ที่ใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง และเตรียมถอนกำลังทหารออกจากเลบานอน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 0.25%
จากนี้ ติดตาม การประชุม OPEC+ ในวันที่ 1 ธ.ค. ที่ตลาดคาดว่าจะมีมติชะลอแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปเป็นเดือนก.พ. 2025 แทน จากความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันลดลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีนซึ่งเป็นตลาดนำเข้าน้ำมันหลัก
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะปรับฐาน และ เรามองฐานใหม่ของดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวบริเวณ 1,415-1,450 จุด จากแรงกดดันของการเสนอขึ้นภาษีสินค้านำเข้าประเทศต่างๆ ของทรัมป์ ที่ส่งผลต่อ Emerging Market และ ไทย ซึ่งไทยมีการเกินดุลการค้าสูงกับสหรัฐ
อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของเรา การลดลงของมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ ทุกๆ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องมาจากภาษีของทรัมป์ อาจทำให้คาดการณ์การเติบโตการส่งออกของเราในปี 2025F ลดลง 30bp
สำหรับหุ้นที่น่าจับตาช่วงนี้ ได้แก่ CCET ซึ่งเราเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะอยู่ในรายชื่อหุ้นที่ได้รับคัดเลือกมาคำนวณดัชนี SET50 ในเดือนธ.ค. 2024 เมื่อประเมินจากหลักเกณฑ์การจัดทำดัชนีของ SET
โดยจากที่ประชุมนักวิเคราะห์ของ CCET ผู้บริหารให้แนวทางว่ายอดขายในปี FY25 จะเติบโตต่อเนื่องเพราะลูกค้าให้ความสนใจจะย้ายการผลิตมาประเทศไทย และ บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง รวมถึงขยายกำลังการผลิตในประเทศไทย
• หุ้นแนะนำ
BDMS : เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงช่วงนี้น่าจะสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มรายได้และการแข่งขันที่สูงขึ้นแล้ว อีกทั้งเชื่อว่าคุณสมบัติความเป็นหุ้นปลอดภัยของ BDMS และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจจะช่วยลด downside ให้กับนักลงทุน
(Take profit : 28.00 / Stop loss : 24.20)
IVL : IVL มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 2,509 ล้านบาท (+151% qoq) ใน 3Q24 ทั้งจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงหลังตัดจำหน่ายสินทรัพย์และสเปรดเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น โดย Indovinya มี EBITDA เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ตามฤดกูาลที่สนับสนุนธุรกิจ Surfactant ใน 3Q24 อีกทั้ง กลุ่ม Integrated PET มี EBITDA ฟื้นตัวแข็งแกร่ง
(Take profit : 26.75 / Stop loss : 23.50)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon