มิติหุ้น – นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณขายยาง EUDR ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีข่าวทางการสหภาพยุโรป (EU) จะเลื่อนการบังคับใช้เป็นต้นปี 2569 แต่ลูกค้ายังมีคำสั่งซื้ออยู่ ทำให้ในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีสัดส่วนการขายยางมาตรฐาน EUDR ถึง 32% จากปริมาณการขายยางแท่งทั้งหมด หนุนกำไรโตต่อเนื่อง โดยประเมินว่ายอดขายยางแท่งในปี 2567 จะเติบโต 10% เทียบปีที่ผ่านมา
บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้การขายก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) จากการที่บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ขายให้บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) ปริมาณ 40,000-57,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งตรงทางท่อถึงตัวโรงงาน GGC ในจังหวัดชลบุรี มูลค่า 1,000 ล้านบาท ผูกสัญญา 7 ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2567 และเตรียมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟสที่ 2 ในครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งจะทำให้สามารถรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 900 ตัน และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 90,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีลูกค้าหลายรายที่ให้ความสนใจเข้ามาเจรจา
สำหรับธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ โครงการติดตั้งหม้อต้มไอน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และหม้อนึ่งต่อเนื่อง (Sterilizer) พร้อมทดสอบระบบในปลายไตรมาส 4/2567 และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการขอการรับรองมาตรฐานคาร์บอนและความยั่งยืนระหว่างประเทศ (International Sustainability and Carbon Certification: ISCC) ซึ่งคาดว่าจะได้รับการรับรองภายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ เช่น Skincare เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต พร้อมเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลพลอยได้โดยการนำมาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในเครือ สามารถช่วยลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง
อีกทั้งบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Sustainable Value Chain) ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน สอดรับกับวิสัยทัศน์ “พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก ที่สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน”
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 งวด 3 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้น 1,704.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.8% และมีกำไรสุทธิ 219.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443.7% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และในงวด 9 เดือนมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้น 2,349.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.5% และมีกำไรสุทธิ 383.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon