มิติหุ้น – นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์อื่นแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 223 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง การรักษาระดับกำไรและการบริหารต้นทุน รวมทั้งการขยายจากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต
โดยมียอดขายอยู่ที่ 10,640 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 10,742 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้ว 8,642 ล้านบาท ลดลง 485 ล้านบาท หรือ 5% YoY มาจากปริมาณขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โซดาและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์แอลกอฮอลล์ และ รายได้จากการขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น จำนวน 2,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 363 ล้านบาท หรือ 20% โดยส่วนมากมาจากการขายเข้าซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 (BGC เข้าถือหุ้น 75% ในบริษัท ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง จำกัด) และธุรกิจซื้อมาขายไปบรรจุภัณฑ์พลาสติก (Trading) หนุนรายได้จากการขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นเพิ่มขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 รายได้จากการขาย 3,205 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากความต้องการของกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 52 ล้านบาท ลดลง 33% YoY
สำหรับแนวโน้มไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทฯ ได้รับปัจจัยบวกจากราคาวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวลดลง โดยแผนธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว บริษัทฯ มีการคัดเลือกผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี เน้นให้ความสำคัญในการขยายตลาดส่งออก และ การหาลูกค้าใหม่ พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและพฤติกรรมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เปลี่ยนไปในอนาคต
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการทั้งปี 2567 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตจากปีก่อน แม้ว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าจึงส่งผลกระทบต่อการส่งออกของบริษัท ทำให้ได้รับเงินที่น้อยลง แต่ก็มีปัจจัยบวกจากต้นทุนพลังงานที่ไม่ผันผวนเหมือนช่วงที่ผ่านมา รวมถึงราคาโซดาแอซ ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้ จึงส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นอีกด้วย
“ปีนี้มองว่าเป็นปีที่มีความท้าทาย จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ส่งออกของเราได้รับผลกระทบ เพราะได้รับเงินในจำนวนที่ลดลง แต่ยังโชคดีในด้านของราคาพลังงาน และราคาวัตถุดิบอย่างโซดาแอซ ที่ไม่ผันผวน จึงทำให้สามารถบริหารจัดการได้ ตอนนี้เรายังคงเป้าหมายยอดขายที่โตกว่าปีก่อน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีแผนที่จะลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการที่จะมุ่งผลักดันการเติบโตในบริษัทที่บริษัทเข้าไปลงทุนได้แก่ บริษัท ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง จำกัด หรือ Prime ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ พลาสติกชนิดอ่อนและม้วนฟิล์ม รวมถึงการที่บริษัทได้ร่วมกับบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัดและบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าไปร่วมถือหุ้น 26% ในบริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งทำธุรกิจผลิตกระป๋อง เป็นการเพิ่มพอร์ตสินค้าของบริษัท รวมถึงบริษัทได้ศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมได้ ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทได้มีการทำสัญญาในข้อตกลง ที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้ในอนาคต
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon