มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 128 จุด (-0.29%) แต่ดัชนี Nasdaq , S&P500 ปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่ม Technology นักลงทุนรอติดตามการรายงานตัวเลขต่างๆจากนี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.01% ไร้ปัจจัยหนุนที่มีนัยยะสำคัญเพราะรอดูตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานดัชนี PMI ภาคผลิตจากสถาบัน ISM พบว่าดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต่ำกว่าระดับ 50 ส่วนการตอบรับของสินทรัพย์ต่างๆพบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังคงปรับลงต่อเนื่อง แต่สวนทางกับ Dollar Index ที่กลับขึ้นมาแข็งค่าและกดดันเงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 34.5 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯจากก่อนหน้าที่ 34.2 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ โดย CME FED Watch กลับมาให้น้ำหนักมากขึ้นราว 75% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. จากก่อนหน้าที่เพียง 55% สะท้อนปัจจัยเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯจากนักลงทุน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ให้รอติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐฯทั้งสัปดาห์ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากกว่านี้จากทิศทางดอกเบี้ยเพื่อเตรียมกำหนดกลยุทธ์สินทรัพย์ต่างๆหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ค่าเงิน และตลาดหุ้น ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นมา +0.67% ได้แรงหนุนจากการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบัน แต่ต่างชาติขายเล็กน้อย 414 ล้านบาท เชื่อว่าส่วนนึงเป็นเม็ดเงินจากการลดหย่อนภาษีจากกองทุน ThaiESG และวายุภักษ์อาจเล็งเห็นว่าหุ้นไทยหลายตัวอยู่ในจุดที่ Valuation เริ่มน่าสนใจ แรงซื้อวานนี้เด่นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT MINT) ค้าปลีก (CPALL CPAXT CRC HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) และธนาคารพาณิชย์ (KBANK) ส่วนปรับลงนั้นส่วนใหญ่แล้วอยู่ใน Global Play อาทิ พลังงาน (PTTEP) ปิโตรเคมี (SCC) สะท้อนถึงเม็ดเงินวิ่งเข้าหากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในและการท่องเที่ยว เชื่อว่า Theme ข้างต้นจะยังน่าสนใจเช่นเดิมและยังคาดหวังถึงการฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนจากเม็ดเงินสถาบันพร้อมกับเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัวและอีกส่วนเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยรับแรงกดดันจาก Trump Effect ไปมากแล้ว วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหว 1435 – 1450 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำเก็งกำไรได้เช่นเดิมเน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL GLOBAL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 7.49 ล้านราย สูงกว่าเดือนก่อนที่ 7.44 ล้านราย
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
หลังหักรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 6.2 พันล้านบาท (+45%YoY) ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 9% หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 3.3%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.5% และ Lotus’s +2.3%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 4Q24 จะเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว
BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 168.00 บาท)
เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโตที่ 5.7% แต่การเติบโตชะลอลงที่ 2%/4.3% ในปี 2025-26 แม้ว่า NIM จะแนวโน้มลดลง ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของตลาดทุน และสำรองหนี้ฯ ลดลง
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon