ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังกลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มขยายกรอบเวลา
การลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อไปจนถึง เม.ย. 68
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
(+) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2.5% สู่ระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ หลังนักวิเคราะห์คาดในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค. 67 กลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มขยายกรอบเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่อไปจนถึงเดือนเม.ย. 68 ส่งผลให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบโลกจะตึงตัว
(+) ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดิบในตะวันออกกลางที่อาจตึงตัว หลังข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอนที่ยังคงไม่แน่นอน โดยอิสราเอลยังคงมีการโจมตีบริเวณเลบานอนตอนใต้ ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ทำการยิงจรวดไปที่ฐานทัพทหารอิสราเอลเป็นการตอบโต้ โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ และฝรั่งเศส ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจากดดันอิสราเอลให้ทำตามข้อตกลงการหยุดยิง
(-) สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณ น้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 พ.ย. 67 ปรับเพิ่มกว่า 1.232 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางจากนักวิเคราห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 2.06 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน : ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในภูมิภาคที่มีแนวโน้มลดลง หลังตลาดคาดโควต้าส่งออกน้ำมันเบนซินจากจีนในเดือน ธ.ค. 67 จะปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล : ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันดีเซลในภูมิภาคในไตรมาสที่ 4 ของปีมีแนวโน้มปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากสภาวะเศรษฐกิจซบเซา ขณะที่อุปทานจากอินเดียและตะวันออกกลางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon