ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 248 จุด (-0.55%) ถูกกดดันจากหุ้น UnitedHealth group ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.3% หลังจากนักลงทุนประเมินว่าอุปทานน้ำมันในปีหน้าอาจมีปริมาณมาก

22
มิติหุ้น  –  ช่วงวันพุธที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP พบว่าอยู่ที่ 1.46 แสนรายแย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้เล็กน้อยที่ 1.52 แสนราย พร้อมกับรายงานดัชนี PMI ภาคบริการที่ 52.1 แย่กว่าคาดการณ์ที่ 55.7 ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.24 แสนรายแย่กว่า คาดการณ์ที่ 2.15 แสนราย โดยรวมตัวเลขที่รายงานค่อนข้างไปทางแย่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลงต่อเนื่อง พร้อมกับการอ่อนค่าแรงของ Dollar Index และส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าทดสอบระดับ 34.07 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯจากก่อนหน้าที่ 35 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นฝั่ง EM ส่วนการแถลงของประธาน FED ในช่วงคืนวันพฤหัสบดีพบว่าเน้นย้ำต่อการปรับลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังแข็งแกร่งจากอัตราการว่างงาน ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนัก
ราว 72% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน ธ.ค. (18 ธ.ค.) แต่เริ่มมองถึงโอกาสลดดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยในปี 25 ประเมินเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิดเพราะมีต่อการเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุน สำหรับตลาดหุ้นไทยวันพุธที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัว (-0.27%) แต่นักลงทุนสถาบันยังคงซื้อสุทธิอีก 1.1 พันล้านบาทรวมแล้วซื้อสุทธิติดต่อกันราว 4 วันและรวมเป็นเม็ดเงินราว 7.3 พันล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 762 ล้านบาท อย่างไรก็ตามด้วยเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าจึงคาดหวังต่อการขายที่น้อยลงหรืออาจเห็นการกลับมาซื้อสุทธิ วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1445 – 1460 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะเก็งกำไรได้เช่นเดิมคาดหวังการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหนุนจากกระแสเงินทุนภายในประเทศ พร้อมกับเศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัวโดยคาดการณ์ว่า GDP 4Q24 จะขยายตัวเด่นถึง 3.7%YoY เร่งจาก 3Q24 ที่ 3%YoY ขณะที่ปัจจุบันกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยว การ Trading จึงเน้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
มีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรปกติใน 3Q24 ที่ 2.6 พันล้าน (+16% YoY, -18% QoQ) เติบโตจากรายได้ต่อห้องพัก (RevPar) ที่สูงขึ้น และอ่อนตัว QoQ จากฐานที่สูงใน 2Q24 จากงาน UEFA Euro และ Olympic Game ที่หนุนอัตราการเข้าพัก ทั้งนี้ใน 4Q24 เรามองว่าจะเติบโต YoY จาก RevPar ที่สูงขึ้น แต่จะอ่อนตัว QoQ ต่อเนื่องจากธุรกิจโรงแรมในยุโรปตามปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่ถึงแม้ในปี 2025 จะยังมีความท้าทาย แต่เราคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 16.3% จากการปรับอัตราราคาที่พักต่อคืน (ADR) ที่สูงขึ้นหลังมีการปรับปรุง และยกระดับตำแหน่งของแบรนด์ในธุรกิจโรงแรมใหม่
CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 87.00 บาท)
ช่วง 4Q24 เรายังมีมุมมองเดิมที่คาดว่าในแง่รายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ทั้งนี้เรามีการปรับประมาณการปี 24 เล็กน้อยโดยคาดกำไรสุทธิที่ 16,620 ล้านบาท (+10%YoY) โดยปรับกำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 55% จากเดิม 52% หลังช่วง 9M24 CPN มีกำไรขั้นต้นสูงถึง 55.2%

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon