Pi Daily US Bond Yield ปรับลงมองเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น EM

34

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.28% ยังคงถูกกดดันจากหุ้น United Health ที่ปรับตัวลง 5% อย่างไรก็ตามดัชนี Nasdaq ปิดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.3% และลดลงในสัปดาห์ก่อนหลังจากที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าน้ำมันจะล้นตลาดในปีหน้าจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรพบว่าเพิ่มขึ้น 2.27 แสนรายดีกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.18 แสนราย พร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 4.2% แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 4.1% พร้อมกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคจามหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ 74 สูงกว่า Bloomberg ประเมินไว้ที่ 73.3 รายละเอียดภายในพบว่าความเชื่อมั่นปรับดีขึ้นจากการซื้อสินค้าคงทนที่สูงขึ้นแต่การซื้อสินค้าคงทนที่สูงขึ้นมิได้หมายเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่เกิดจาก ความคาดหวังว่าราคาสินค้าจะปรับขึ้นในอนาคต ทั้งนี้หลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลงเล็กน้อยทั้งอายุ 2 , 10 ปี พร้อมกับ Dollar Index กลับมาแข็งค่าเล็กน้อย โดย CME FED Watch ให้น้ำหนักมากถึง 86% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม FED ส่วนปัจจัยสัปดาห์นี้นักลงทุนจะรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) ในวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.7%YoY เร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 2.6%YoY รวมไปถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.6%YoY , 0.3%MoM ด้านตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับบวกเล็กน้อย (+0.08%) แรงซื้อหลักยังมาจากนักลงทุนสถาบันที่ซื้อสุทธิ 2.1 พันล้านบาทแต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.58 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังเชื่อว่ากระแสเงินทุนจากนักลงทุนสถาบันมีแนวโน้มจะเข้าซื้อต่อเนื่องหนุนจากกระแสเม็ดเงินจากกองทุนลดหย่อนภาษีและอีกส่วนก็เชื่อว่าจะมาจากกองทุนวายุภักษ์ นอกจากนี้แล้วโดยสถิติหุ้นไทยมักเป็นบวกในเดือน ธ.ค. จึงยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกจากนี้ ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานก็มีแนวโน้มดีขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q24 ซึ่ง Bloomberg Consensus คาดการณ์จะขยายตัว 3.7%YoY เร่งขึ้นจาก 3Q24 ที่ 3%YoY พร้อมกับกำลังเข้าสู่ปัจจัยฤดูกาลการท่องเที่ยวและการบริโภคเป็นอีกปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวกรอบ 1440 – 1470 ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะ Trading ได้เช่นเดิมเน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD)

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
มีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรปกติใน 3Q24 ที่ 2.6 พันล้าน (+16% YoY, -18% QoQ) เติบโตจากรายได้ต่อห้องพัก (RevPar) ที่สูงขึ้น และอ่อนตัว QoQ จากฐานที่สูงใน 2Q24 จากงาน UEFA Euro และ Olympic Game ที่หนุนอัตราการเข้าพัก ทั้งนี้ใน 4Q24 เรามองว่าจะเติบโต YoY จาก RevPar ที่สูงขึ้น แต่จะอ่อนตัว QoQ ต่อเนื่องจากธุรกิจโรงแรมในยุโรปตามปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่ถึงแม้ในปี 2025 จะยังมีความท้าทาย แต่เราคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 16.3% จากการปรับอัตราราคาที่พักต่อคืน (ADR) ที่สูงขึ้นหลังมีการปรับปรุง และยกระดับตำแหน่งของแบรนด์ในธุรกิจโรงแรมใหม่
CENTEL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.25 บาท)

ช่วง 4Q24 เรายังมีมุมมองเดิมที่คาดว่าในแง่รายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ทั้งนี้เรามีการปรับประมาณการปี 24 เล็กน้อยโดยคาดกำไรสุทธิที่ 16,620 ล้านบาท (+10%YoY) โดยปรับกำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 55% จากเดิม 52% หลังช่วง 9M24 CPN มีกำไรขั้นต้นสูงถึง 55.2%

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon