มิติหุ้น – แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปี 2024-2025 ยังอยู่ในระดับทรงตัวหรือปรับตัวลดลง จากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงปลายปี 2024 ซึ่งช่วยบรรเทาภาระหนี้ภาคครัวเรือน อีกทั้ง สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง ทำให้คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมครั้งล่าสุด เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในตราสารหนี้โดยเฉพาะกลุ่มตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยค่อนข้างยาว ที่จะได้รับประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น และการสิ้นสุดวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ทำให้ความเสี่ยงขาลงค่อนข้างมีจำกัด ด้วยภาพรวมตลาดตราสารหนี้ดังกล่าวส่งผลให้การลงทุนในตราสารหนี้ในปัจจุบันยังมีความน่าสนใจ
กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ตราสารหนี้ไทย ซัสเทนเนเบิล – ชนิดหน่วยลงทุนไทยเพื่อความยั่งยืน ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่จ่ายเงินปันผล (UTSB-ThaiESG) ระดับความเสี่ยง 3 ปานกลางค่อนข้างต่ำ มีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยแต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) หรือ พันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (sustainablility – linked bond) รวมถึงตราสารหนี้อื่นใดในกลุ่มความยั่งยืนตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) สามารถลงทุนหรือมีไว้ได้ โดยมี net exposure ในทรัพย์สินดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน นอกจากนี้กองทุน UTSB-ThaiESG ยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีการเปิดเผยข้อมูลในโครงการและหนังสือชี้ชวนว่ามีการจัดการกองทุนรวมโดยมุ่งความยั่งยืน (Sustainability) ตามหลักสากลอีกด้วย
กองทุน UTSB-ThaiESG มีแนวทางบริหารกองทุนด้วยการใช้หลักเกณฑ์ด้านความยั่งยืนมาเป็นองค์ประกอบในกระบวนการลงทุน มีกระบวนการคัดกรองจากปัจจัยด้านความยั่งยืน ESG (Environment, Social and Governance) ประกอบกับการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ใช้ข้อมูลบทวิเคราะห์ทั้งจากภายใน (In House Research) และภายนอก (External Source) และการเยี่ยมชมกิจการของบริษัทจดทะเบียน (Company Visit) รวมถึงการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เช่น สถานะทางการเงิน ความสามารถในการทำกำไร รวมถึงการวิเคราะห์ทางเครดิต (Credit Scoring) มาประกอบการพิจารณาคัดเลือกตราสารลงทุน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บลจ.ยูโอบี ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันการนำเอาปัจจัย ESG เข้ามาผนวกเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี 2023 เราได้รับ 3 รางวัลด้าน ESG จากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รางวัลดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นความเป็นผู้นำด้าน ESG ของเรา การนำเสนอกองทุน Thai ESG นี้จะเป็นการสนับสนุนภาพรวมการลงทุนในหลายๆ มิติ ทั้งในด้านนักลงทุนได้มีโอกาสออมเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคต ตลาดหุ้นไทยให้มีความแข็งแรงขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงปัจจัย ESG ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ESG ให้เกิดขึ้นในตลาดทุนชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน บลจ.ยูโอบี ได้มีการนำเสนอกองทุน Thai ESG จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล หน่วยลงทุนชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่จ่ายเงินปันผล (UTSEQ-THAIESG) เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การประเมินหุ้นยั่งยืนของ SET ESG Rating และ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ตราสารหนี้ไทย ซัสเทนเนเบิล – ชนิดหน่วยลงทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (UTSB-ThaiESG) ลงทุนในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) ที่จะเปิดเสนอขาย 9-13 ธันวาคม 2567 บลจ.ยูโอบี เชื่อว่าทั้งสองกองทุนจะตอบโจทย์ครอบคลุมวัตถุประสงค์ และเป็นทางเลือกในการวางแผนกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวพร้อมรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีได้
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon