มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก-ลบ โดยดัชนี DJIA รีบาวด์ปิดแดนบวกหลังจากปรับตัวลงมาติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1974 ก่อนหน้านี้ โดยปัจจัยที่ยังคงกดดันตลาด ได้แก่ บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุระดับ 4.5% เป็นวันที่สองหลังจากที่ Fed ส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในปี 2025 เหลือเพียง 2 ครั้ง รวม 50bp (vs. จากเดิม 4 ครั้ง รวม 100bp) กอปรกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) ออกมาสอดคล้องกับรายงานของ Fed ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
1) โดยตัวเลข GDP 3Q24 ขยายตัว 3.1% (vs. ประมาณการก่อนหน้าที่ +2.8%, 2Q24 ที่ +3.0%)
2) จำนวนคนยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 2.2 แสนราย ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.29 แสนราย และ
3) ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.9 แสนยูนิต สู่ระดับ 4.15 ล้านยูนิต สูงกว่าตลาดคาดที่ 4.09 ล้านยูนิต
แนวโน้มการชะลอลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีหน้า ยังกดดันให้ตลาดกังวลต่ออุปสงค์น้ำมัน และ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.95% เช่นเดียวกับราคาทองคำที่ร่วงลงมา 1.7%
วันนี้ จับตารายงานตัวเลขดัชนี PCE เดือนพ.ย. ของสหรัฐ ตลาดคาดว่าจะปรับตัวขึ้น 2.5% yoy (vs. เดือนต.ค. ที่ 2.3%) และ Core PCE ที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวขึ้น 2.9% yoy (vs. เดือนต.ค. ที่ 2.8%)
ประเด็นสำคัญอื่นเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) ได้แก่ การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BoJ และ BoE ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% และ 4.75% ตามลำดับ สอดคล้องกับที่ ตลาดคาด โดยมติของ BoE เป็นแรงกดดันให้ดัชนี FTSE100 ปิดลบ 94 จุด
• SET Index : เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะยังแกว่งผันผวน หลังวานนี้นักลงทุนสถาบันกลับมาขายสุทธิ 1.3 พันล้านบาท (-7.7 พันล้านบาท, wtd) จากประเด็นทริสเรทติ้งประเมินการซื้อกิจการโครงการ “The Happitat” อาจส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินของ CPAXT และจะทำให้ระดับสำรองสำหรับอันดับเครดิต (Credit Rating Buffers) ของ CPAXT-CPALL ลดลงอย่างมีนัย (ปัจจุบันอันดับเครดิตยังไม่เปลี่ยนแปลง) ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นใหญ่ออกมาในช่วงบ่ายวานนี้
เราเชื่อว่าหากยังไม่มีแรงซื้อจากนักลงทุนทั้งสถาบันและต่างประเทศเข้ามา ตลาดน่าจะยังผันผวนต่อ นอกจากนี้บอนด์ยีลที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังหนุนค่าเงินดอลลาร์ ส่งผลให้เงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม 1) ตัวเลข PCE ของสหรัฐ (คืนนี้) 2) มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ โครงการ Easy E-receipt โดยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอเข้าประชุมครม.ในสัปดาห์หน้า
(24 ธ.ค.)
• หุ้นแนะนำ
CRC : เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเติบโตใน 4Q24 และปี FY25 จากยอดขายที่ฟื้นตัวและการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายทางการเงิน นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐจะช่วยสนับสนุนการใช้
จ่ายของผู้บริโภค
(Take profit : 36.0 / Stop loss : 32.75)
SCB : เราปรับประมาณการ EPS ในปี FY24-26 ขึ้น 1.8-10.8% เนื่องจากคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจะเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ต่อรายได้ลดลงหลังจากขายเงินลงทุนในบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (Not listed) ซึ่งจะส่งผลให้ EPS เติบโต 7% และคาดว่าธนาคารจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 9-10% ในปี FY25-26
(Take profit : 120.0 / Stop loss : 115.0)
Link : https://resmail.cgsi.com/l/763223/2024-12-19/2sngnhg
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon