ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา SET Index จุดพลุร่วงแรงถึง 24.15 จุด ส่งผลให้ดัชนีหลุดต่ำกว่า 1400 จุด มาปิดตลาดที่ระดับ 1395.57 จุด หลังจากนั้น นั้น SET Index เก็บทรงไม่อยู่ ปรับตัวลดลงโดยตลอด สาเหตุมาจากหลากหลายปัจจัยรุมเร้า
เริ่มตั้งแต่ประเด็นของ CPAXT และ CPALL เป็นตัวจุดปะทุแรงขาย กลายเป็นไฟลามทุ่งทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ขายหุ้นใหญ่ตัวอื่นผสมโรง
ตามติดกันที่ กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% ขณะที่เฟดประกาศหั่นดอกเบี้ยลง 0.25% แม้ว่าจะลดลงตามคาด แต่กลับส่งสัญญาณว่าการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต จะเกิดขึ้น 2 ครั้ง จากเดิม 4 ครั้ง
อย่าหวัง “Santa Rally”
“จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์” หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอร์เรเตอร์ มองว่า ดัชนีหุ้นเผชิญกับหลายปัจจัยลบ โดยแรงขายที่เกิดขึ้นกับ CPAXT และCPALL หลายวันติดต่อกันจนเป็นผลให้มาร์เก็ตแคป หายไปหลายแสนลบ. กดให้ดัชนี SET ปรับตัวลดลง
รวมถึง กรณีการส่งสัญญาณของเฟด จากที่เคยส่งสัญญาณว่าจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 4 ครั้ง เหลือเพียง 2 ครั้ง อย่างที่รู้กันว่าการลดดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่การลดน้อยกว่าที่เคยบอกไว้ ทำให้ผลดีต่อตลาดหุ้นนั้น “ดีน้อยลง” เลยเกิดการโยกย้ายของฟันด์โฟลว์ เกิดแรงขายในหุ้น แต่เชื่อเป็นเพียงระยะสั้น
“รอให้แรงขายสะเด็ดน้ำเสียก่อน น้ำเขี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวาง แต่ในช่วงปลายปีนี้เชื่อว่า Window Dressing ยังคงมีอยู่ แต่ไม่ถึงขั้นจะเกิด Santa Rally เพราะบอนด์ ยิลด์ 10 ปีของสหรัฐอยู่ที่ 4.5% ขณะที่ของไทยอยู่ที่ระดับ 2.3% ดังนั้นเชื่อว่าฟันด์โฟลว์ จะยังไม่ไหลเข้าไทยจนถึงขั้นเกิดSanta Rally”
ประเด็นการเมืองตามหลอน
ขณะเดียวกันทางด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศดีกรีเริ่มเข้มข้น ความไม่แน่นอนทางการเมือง ถูกกลับมาให้น้ำหนักมากขึ้น การเมืองเข้นข้น มักกดตลาดหุ้นผันผวน
ทั้ง กรณีอดีตนายกฯทักษิณ รักษาตัวชั้น 14 ครบ 180 วัน รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจ พื้นที่ทับซ้อนของไหล่ทวีป (MOU 44) ที่ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชาไว้เมื่อปี 2544 นอกจากนี้ความคืบหน้าในการพิจารณา “6 คำร้อง” คดียุบพรรคเพื่อไทย-พรรค ร่วม ล่าสุด กกต.เผยว่า “ใกล้ถึงขั้นสุดท้ายแล้ว” จึงคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าต่อ การยื่นเรื่องให้กับศาล รธน. ช่วงต้นปี 2568
“วายุภักษ์”หายไป
ด้วยสภาพตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงแรง จนมักจะเห็นนักลงทุนเรียกร้องและตามหา “กองทุนวายุภักษ์” จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า วายุภักษ์ไม่ได้เข้าลงทุนตั้งแต่ต.ค. หรือในช่วงที่เริ่มจัดตั้ง เพราะขณะนี้ NAV ของYAYU1 ยังคงอยู่ที่ระดับ 10 บาท หากลงทุนในหุ้นจริง NAV ต้องปรับตัวลดลงตามดัชนีหุ้นที่ลดลง
นอกจากนี้ จำนวนเม็ดเงินที่จ่ายปันผลน้อยมาก โดยบอร์ดกองทุนวายุภักษ์ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 67 มีมติจ่ายเงินปันผลเพียง 0.0754 บาทต่อหุ้น โดยจะจ่ายจากกำไรสะสม กำหนดขึ้น XD ในวันที่ 2 ม.ค. 68 และจ่ายในวันที่ 21 ม.ค. 68
ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า VAYU1 แทบไม่ได้ลงทุนในหุ้น หรือมีPosition ในหุ้นน้อยมาก โดยดัชนีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปเฉียด 1500 จุด เมื่อเดือน ต.ค.นั้น เป็นเพียง sentiment ตอบรับเชิงบวกข่าวการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์เท่านั้นเอง
ในเมื่อ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งวายุภักษ์ มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน โดยเน้นลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ดังนั้น ไม่ควรให้เสียความตั้งใจของการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon