มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) ดัชนีหลักทั้ง 3 ตลาด ปิดรีบาวด์ +1% หลังตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ออกมาต่ำกว่าคาด โดยดัชนี PCE เดือนพ.ย. ขยายตัว 2.4% yoy ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.5% (vs. เดือนต.ค. 2.3%) รวมถึงความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ Fed ที่ระบุว่าจะประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลัง เช่น ภาษีศุลกากร เข้าไปด้วย ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ Fed จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2025
นอกจากนี้ตัวเลขการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่ออกมาอ่อนแอกว่าตลาดคาด ยังส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 1.4% เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าและบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง
ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่
1) รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนธ.ค. จาก CB และ GDP3Q24 ของอังกฤษ (23 ธ.ค.) และ
2) ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. (24 ธ.ค.)
ล่าสุดเช้านี้ (23 ธ.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามบังคับใช้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ทั้งนี้ การอนุมัติกฎหมายฉบับใหม่นี้จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเปิดทำการต่อไปได้จนถึงกลางเดือนมี.ค. 2025
• SET Index : เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,355-1,380 จุด และคาดว่าวันนี้ SET มีโอกาสรีบาวด์ ตาม sentiment ตลาดต่างประเทศ หลังตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคลายกังวลเรื่องเงินเฟ้อในระยะสั้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุน หลังรัฐบาลสหรัฐฯ รอดชัตดาวน์ อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
ในสัปดาห์นี้
1) มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ โครงการ Easy E-receipt ที่คลังจะเสนอเข้าประชุมครม. (24 ธ.ค.) เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 5 หมื่นบาท ในช่วง ม.ค.-ก.พ. 2025
2) สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) นัดหารือสมาชิกกรณีความโปร่งใสของ CPAXT ที่เข้าลงทุนใน HATF (24 ธ.ค.)
3) ตัวเลขส่งออกไทย เดือน พ.ย. (25 ธ.ค.) และ บัญชีเดินสะพัด (27 พ.ย.) เดือนพ.ย.
ประเด็นสำคัญอื่นๆ
1) การปรับแผนการคลังระยะปานกลางโดยกำหนดเป้าหมายการขาดดุลลดลงใน 4 ปีข้างหน้า รวมทั้งรักษาระดับหนี้สาธารณะตามกรอบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้เป็นปัจจัยที่สถาบันเครดิตเรทติ้งจับตาเพื่อพิจารณาจัดอันดับเครดิตประเทศไทย
2) โครงการแจกเงิน 10,000 เฟส 2 เบื้องต้น 3.2 ล้านคน
3) การรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ อายุสัญญา 25 ปี ที่สำนักงานกกพ. มีกรอบระยะเวลาในการลงนามสัญญาซื้อขายภายใน 30 ธ.ค.
• หุ้นแนะนำ
CBG : CBG เป็น Top pick ในกลุ่มเครื่องดื่มของไทยเพราะผลกำไรของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตสูงจากยอดขายเครื่องดื่มบารุงกำลังที่แข็งแกร่งในไทย อีกทั้งโรงงานในเมียนมาใกล้จะเปิดดำเนินงาน
(Take profit : 80.00 / Stop loss : 77.50)
CRC : CRC เป็น Top pick ของกลุ่มค้าปลีกไทย เนื่องจากเรามองว่ากำไรสุทธิของบริษัทน่าจะกำลังเข้าสู่ขาขึ้น โดยมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่กลับมาฟื้นตัว, สถิตินักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง, การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังอัตราดอกเบี้ยอยู่ในขาลง
(Take profit : 35.00 / Stop loss : 33.50)
Link : https://resmail.cgsi.com/l/763223/2024-12-22/2sn
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon