มิติหุ้น- BH โดย บล.ฟิลลิป คาดกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 7,405 ล้านบาท โต 2.9% y-y จากการเร่งตัวขึ้นของรายได้หลัก คาดการณ์ ที่ 25,139 ล้านบาท โต 2 % y-y หนุนจากการปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นตามความซับซ้อนในการรักษาและแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ (Medical Tourism) จากมาตรฐานการแพทย์ที่อยู่ในระดับสูง สำหรับในช่วง Q3/67 บริษัทฯ มีสัดส่วนของผู้ป่วยชาวต่างชาติต่อผู้ป่วยชาวไทยที่ 70:30 โดยผู้ป่วยชาวต่างชาติ 3 อันดับแรกเป็นชาว Qatar, Myanmarและ Cambodia
คาด BH ยังคงสามารถรักษาจุดแข็งไว้ได้
จากงบการเงินล่าสุด (Q3/67) บริษัทฯ รายงานรายได้หลัก เท่ากับ 6,384 ล้านบาท หดตัว 5% y-y จากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติหดตัว 7.1% y-y โดยเฉพาะรายได้จากผู้ป่วยชาวคูเวต หดตัว 67.1% y-y จากการหยุดส่งผู้ป่วยเข้ามารักษาของรัฐบาลคูเวต และรายได้จากผู้ป่วย UAE หดตัว 37.2% y-y จากการที่รัฐบาลมีนโยบายการส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาที่อื่นมากขึ้น กำไรสุทธิ 1,955 ล้านบาท ทรงตัว y-y , โต q-q เหตุจากรายได้หลักหดตัว 5% y-y จากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติหดตัว 7.1% y-y โดยเฉพาะรายได้จากผู้ป่วยชาวคูเวต หดตัว 67.1% y-y จากการหยุดส่งผู้ป่วยเข้ามารักษาของรัฐบาลคูเวต และรายได้จากผู้ป่วย UAE หดตัว 37.2% y-y จากการที่ รัฐบาลมีนโยบายการส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาที่อื่นมากขึ้น
ทางฝ่ายมองปัจจัยกดดันข้างต้นจะยังคงอยู่ใน Q4/67 ขณะที่ผู้บริหาร BH คาดผู้ป่วยต่างชาติทยอยกลับเข้ามาใช้บริการจากแนวโน้มการขยายตัวของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยชาวคูเวต โดยบริษัทคาดได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 รพ.ที่รัฐบาลคูเวตจะส่งผู้ป่วยเข้ามารักษาในไทย และแรงหนุนจากกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้านการเดินทางในหลายประเทศ ทำให้ทางฝ่ายคาดในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงรักษาจุดแข็งได้ดีต่อเนื่อง จากการรักษาโรคซับซ้อน ,แนวโน้มของฐานผู้ป่วยต่างชาติจำนวนมาก และความสามารถในการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดเด่นเหล่านี้สะท้อนจากผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ 31.9% อ้างอิง ROE ณ 3Q67
คาดรายได้ อนาคตดี ต่อเนื่อง
บริษัทฯ วางแผนการขยายพื้นที่ให้บริการ ผ่าน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ Soi 1Project เป็นขยายพื้นที่บริการ เพิ่มอาคาร 3 แห่ง ได้แก่ 1) อาคารจอดรถ ดำเนินการสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2566 2) อาคารผู้ป่วยนอกและ 3) อาคารอเนกประสงค์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ คาดแล้วเสร็จปี 2569
สำหรับโครงการที่ 2 โครงการ BI Hospital Annex เป็นการขยายพื้นที่อาคารสำหรับศูนย์สุขภาพสตรีและเด็กเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ คาดแล้วเสร็จปี 2569
ส่วนโครงการที่ 3 ก่อตั้งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จ.ภูเก็ต เพื่อตั้งเป็นศูนย์ส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ บริษัทฯ คาดแล้วเสร็จปี 2569 บริษัทฯ เผยเงินลงทุนราว 3,621 ล้านบาท โดยแผนการขยายพื้นที่การให้บริการ 3 โครงการข้างต้น ได้รวมอยู่ในประมาณการแล้ว คาดต้นทุนจากการก่อตั้งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จ.ภูเก็ต อาจกดดันกำไรปี 2568 ในระยะแรกเล็กน้อย แต่คาด NPV ของโครงการจะยังคงเป็นบวก นอกจากนี้ทางฝ่ายมีมุมมองเชิงบวกกับ BH จากข่าว คปภ.บังคับใช้เกณฑ์เคลมประกันสุขภาพลูกค้าร่วมจ่าย 30%(Copayment) ในปี 2568 เนื่องจาก BH มีสัดส่วน Safe pay กว่า 62% คาดไม่ได้รับผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ
ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 223.04 บาท/หุ้น อิงวิธี DCF
ทางฝ่ายประเมินราคาหุ้น โดยใช้ DCFอยู่ที่ 223.04 บาท เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มั่นคงและ เป็นบริษัทฯที่ใหญ่ ทางฝ่ายคาดปี 2567 มีกำไรสุทธิ 7,197 ล้านบาท เติบโต 2.01% y-y และคาดในปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 7,405 ล้านบาท โต 2.9% y-y หนุนจากการปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นตามความซับซ้อนในการรักษา และจากการขยายพื้นที่ให้บริการ ผ่าน 3 โครงการ ทางฝ่ายคาดราคาพื้นฐานปี 68 อยู่ที่ 223.04 บาท/หุ้น ราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาพื้นฐาน คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon