มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (31 ธ.ค.) ปิดลบหลังเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันสุดท้ายของปี 2024 และ ปิดทำการเมื่อวานนี้ (1 ม.ค. 25) เนื่องในวันปีใหม่ โดยในปีนี้ ดัชนี S&P500 และ Nasdaq มีการเติบโตแข็งแกร่ง เนื่องจากการขยายตัวของ AI และ การลดอัตราดอกเบี้ยลงของ Fed ที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงแรงสนับสนุนจากชัยชนะของว่าที่ปธน. ทรัมป์ที่มีนโยบาย America First อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มเผชิญกับแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายปี กอปรกับความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในอนาคต ส่งผลให้ตลาดหุ้นในช่วงปลายเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลง ท่ามกลางความคาดหวังถึงการปรับตัวขึ้นในช่วง Santa Rally
นอกจากนี้ รายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของจีน ที่แม้ว่าจะขยายตัวที่ระดับ 50.1 ต่ำกว่าตลาดคาดว่าจะคงตัวจากเดือนพ.ย. ที่ระดับ 50.3 แต่ตัวเลขยังสะท้อนถึงการเติบโตภาคการผลิตที่ยังอยู่ในโซนขยายตัว สนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI (+1.0%) และ ราคาทองคำ (+0.9%) เมื่อวันอังคาร (31 ธ.ค.) ปิดบวก
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ ติดตาม ตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ / สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ / ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ
• SET Index : แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือน ม.ค. นี้ เราคาดว่าตลาดอาจจะไม่ค่อยสดใส เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ 1) แรงขายจากกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดปี 2025 ซึ่งเราคาดว่าอาจจะขายออกมาประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ในเดือน ม.ค. ขณะที่เราเชื่อน่าจะเป็นการทยอยขายหากดัชนี SET มีการปรับตัวขึ้น 2) นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย
ขณะที่ปัจจัยบวกในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาทิ มาตรการ Easy e-receipt (16 ม.ค. – 28 ก.พ.) และโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท สำหรับผู้สูงอายุ (ภายในปลายเดือน ม.ค.) ซึ่งคาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระบบประมาณกว่าแสนล้าน ใน 1Q25 สำหรับการซื้อขายในวันนี้เราคาดว่าตลาดน่าจะยัง Sideway ในกรอบ 1390-1410 จุด
• หุ้นแนะนำ
CCET : เก็งกำไร หุ้น CCET เข้าคำนวณดัชนี SET50/SET100 ใน 1H25 (2 ม.ค. – 30 มิ.ย.)
ผู้บริหารของบริษัทคาดว่ายอดขายในปี FY25 จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) ลูกค้ามีแนวโน้มจะย้ายการผลิตมาไทยมากขึ้นเพื่อกระจายฐานการผลิตออกจากจีนและเวียดนาม 2) บริษัทจะขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง และ3) บริษัทขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ
(Take profit : 10.70 / Stop loss : 9.75)
AMATA : เราคาดว่า 4Q24 จะเป็นไตรมาสที่บริษัทมีกำไรสุทธิสูงสุดในปี 2024 จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เพิ่มขึ้นทั้งในไทยและเวียดนาม รวมทั้งรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและธุรกิจเช่า โดย AMATA มียอด backlog สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.94 หมื่นล้านบาท ณ สิ้น 3Q24 ซึ่งแบ่งเป็น backlog ในไทย 1.76 หมื่นล้านบาทและในเวียดนามอีก 1.8 พันล้านบาท โดย backlog ในไทยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q24-2025 ส่วน backlog ในเวียดนามจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2026
(Take profit : 30.00 / Stop loss : 28.00)
Link : https://resmail.cgsi.com/l/763223/2025-01-01/2snjgk5
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon