Pi Daily แรงงานสหรัฐฯแข็งแกร่งกดดันปัจจัยดอกเบี้ย ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกผสานกับแรงกดดัน Global minimum Tax

23

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 151 จุด (-0.36%) ขณะที่ Nasdaq , S&P500 ก็ปรับลงเช่นกันรับแรงกดดันจากหุ้น TESLA , แรงงานสหรัฐฯที่แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.97% ได้แรงหนุนจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจีน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯวันแรกทำการของปี 25 พบว่าปรับลงกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น S&P500 Dow Jones บางส่วนเป็นผลจาก TESLA เพราะรายงานยอดส่งมอบรถยนต์ลดลงจากปีก่อนหน้าประกอบกับแรงงานสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเมื่อคืนได้รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.1 แสนรายดีกว่าที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.2 แสนราย ส่งผลให้ค่าเงิน Dollar แข็งค่าและกดดันเงินบาทกลับมาอ่อนค่าทดสอบระดับ 34.38 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯจากก่อนหน้าที่ 33.9 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่กลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง ซึ่ง CME FED Watch ยังคงให้น้ำหนักปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ภาวะเช่นนี้จะยังคงสนับสนุนให้ Dollar แข็งค่าต่อเนื่องและกดดันเงินบาทให้มีแนวโน้มอ่อนค่า สอดคล้องกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิหุ้นไทยราว 1.2 พันล้านบาทและสถาบันก็ยังไม่มีท่าทีจะกลับมาซื้อเช่นกัน ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังดูขาดปัจจัยหนุนผสานกับความกังวล Global minimum tax วานนี้เป็นวันแรกที่ประเทศไทยได้ประกาศบังคับใช้ Global minimum tax กล่าวโดยสรุปคือบริษัทข้ามชาติจะต้องถูกเก็บภาษีในอัตรา 15% สำหรับบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปีหรือราว 2.65 หมื่นล้านบาทต่อปี ข้อดีคือรัฐบาลจะได้ภาษีที่มากขึ้นแต่ก็อาจจะต้องแลกกับความน่าสนใจลงทุนในประเทศไทยจะน้อยลงจากภาษีที่สูงขึ้น

ซึ่งจะกระทบกับการจ้างงานและเศรษฐกิจ เบื้องต้นบริษัทที่อาจรับผลกระทบจากปัจจัยข้างต้นประเมินว่าจะเป็น DELTA วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหว 1370 – 1390 ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจเลือกที่จะลดพอร์ตการลงทุนบางส่วนจากปัจจัยกดดันกระแสเงินทุนไหลออก ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานมิได้โดดเด่นไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนรวมถึงมีความกังวลเกี่ยวกับ Global minimum tax ทั้งนี้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงอาจเลือกเก็งกำไรในกลุ่ม Defensive อาทิ โรงพยาบาล (BDMS) ส่งออกสินค้าเกษตร (ITC TU) ปัจจัยหนุนจากเงินบาทอ่อนค่าและการเติบโตของอาหารสัตว์กับอาหารกระป๋องยังคงเติบโต กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC HMPRO) ปัจจัยหนุนมาตรการ Easy E-receipt กลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นระยะสั้น ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิต (ISM PMI) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 48.2

PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 141.00 บาท)
บริษัทแถลงแผนการลงทุน 5 ปี (2025-29E) มูลค่า 3.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (+3% เทียบแผนก่อน) โดยมีการนำโครงการ Ghasha เพิ่มเข้ามาในปี 2H25E แทนโครงการ Abu Dhabi Offshore โดนเลื่อนไปปี 2027E ส่วนโครงการ Lang Lebah ที่มาเลเซีย ถูกถอดออกมา เนื่องจากต้นทุนพัฒนาโครงการสูงกว่าคาด ส่วนปริมาณการขายในปี 2025E อยู่ที่ 507 KBOED (-3% เทียบแผนก่อน) เนื่องจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยมีอายุการใช้งานนานหลายปี ทำให้ต้องการหยุดซ่อมบำรุงมากขึ้น

ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 31.5 บาท)
ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 976 ล้านบาท (+52%YoY,-3%QoQ) นอกจากนี้ในส่วนของภาพรวมในอนาคตคาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้จากการที่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงยังมีความต้องการเพิ่มอยู่ อย่างไรก็ตามทางบริษัทมีการปรับเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 24 ใหม่โดยคาดจะเติบโต 15-17%YoY จากเดิมที่คาด 18-19%YoY

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon