Pi Daily US Bond Yield เร่งขึ้น บาทอ่อน เป็นปัจจัยกดดัน Upside สัปดาห์นี้รอติดตามแรงงานสหรัฐฯ

11

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 339 จุด (+0.8%) แรงหนุนความหวังเชิงบวกต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.1% ได้แรงหนุนจากอุปสงค์จะเร่งตัวขึ้นเพราะอากาศที่หนาวเย็นในฝั่งสหรัฐฯและยุโรป

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคผลิต (ISM PMI) พบว่าอยู่ที่ 49.3 ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 48.2 มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อความเห็นของเศรษฐกิจจากนักลงทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯทั้งรุ่นอายุ 2 , 10 ปี พลิกกลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับ CME FED Watch ที่ยังให้น้ำหนักในเชิงเข้มงวดนโยบายการเงินของ FED ด้วยการให้น้ำหนักลดดอกเบี้ยทั้งปี 25 เพียง 1 ครั้งเท่านั้น กดดันให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่าทดสอบระดับ 34.43 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ จากก่อนหน้าที่ 33.88 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้การกลับมาซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติยังเป็นไปได้ยาก ขณะที่นักลงทุนสถาบันก็ยังดู Wait & See กล่าวคือไม่กล้าเข้ามาลงทุนด้วยเม็ดเงินที่สูงและในบางวันกลับเห็นการขายสุทธิออกมา สัปดาห์นี้นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักไปยังตัวเลขแรงงานสหรัฐฯโดยเฉพาะ (1) ตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) ในคืนวันอังคารตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 7.7 ล้านตำแหน่งเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 7.74 ล้านตำแหน่ง นับเป็นตัวเลขเชิงบวกต่อสหรัฐฯแต่ลบกับฝั่งเอเชีย (2) การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP และคนขอรับสวัสดิการว่างงานในคืนวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.31 แสนรายและ 2.1 แสนราย (3) การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานที่รอประกาศในคืนวันศุกร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.54 แสนรายและ 4.2% หากรายงานมากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์จะเป็นปัจจัยกดดันกระแสเงินไหลออกพร้อมกับเป็นลบตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย สำหรับปัจจัยในประเทศได้แก่เงินเฟ้อประจำเดือน ธ.ค. Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.4%YoY และเงินเฟ้อพื้นฐาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.9%YoY ระดับดังกล่าวยังเป็นระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้นหากธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดดอกเบี้ยยังมีความเป็นไปได้ที่อาจเห็นธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ซึ่งจะเป็นบวกกับตลาดหุ้นในภาพรวมพร้อมกับกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD) สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1370 – 1400 กลยุทธ์ การลงทุนระยะสั้นการเก็งกำไรอาจไม่หวือหวาเพราะยังขาดปัจจัยหนุน โดยเน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวก อาทิ ส่งออก (ITC TU) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ค้าปลีก (BJC CRC HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT)

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 168.00 บาท)
คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตชะลอตัวที่ 2%/4.3% ในปี 2025-26 ด้าน ROE ปรับลดลงที่ 7.9%/7.8% ในปี 2025-26 จาก 8.1% ในปี 2024 และคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.3-5.6% ในปี 2024-26 ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q เราคาดกำไรจะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และรายได้ดอกดเบี้ยลดลง แต่กำไรจะปรับสูงขึ้น YoY จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นหลัก

ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 31.5 บาท)
ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 976 ล้านบาท (+52%YoY,-3%QoQ) นอกจากนี้ในส่วนของภาพรวมในอนาคตคาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้จากการที่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงยังมีความต้องการเพิ่มอยู่ อย่างไรก็ตามทางบริษัทมีการปรับเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 24 ใหม่โดยคาดจะเติบโต 15-17%YoY จากเดิมที่คาด 18-19%YoY

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon