มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงปิดแดนลบในวันศุกร์ (10 ม.ค.) หลังรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนธ.ค. ที่ออกมาแข็งแกร่ง สนับสนุนให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่ Fed จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลง โดยจาก CME FedWatch ชี้ว่าตลาดให้น้ำหนัก 97% ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% ในการประชุมเดือนนี้ (29 ม.ค.) และ ให้น้ำหนักลดลงมาเหลือเพียง 25% ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนมี.ค. โดยตลาดมองว่า Fed จะยังคงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้แทนเช่นกัน ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐ 30 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2023 แตะระดับ 5% และ กดดันหุ้นกลุ่ม Growth stocks รวมถึง Small-cap ให้ปรับตัวลดลง
โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 44,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 2.56 แสนตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.64 แสนตำแหน่ง เช่นเดียวกับอัตราการว่างงานลดลงมาที่ระดับ 4.1% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะคงเดิมจากเดือนพ.ย. ที่ 4.2% ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงอยู่ที่ 0.3% mom สอดคล้องกับที่ตลาดคาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากรายงานข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนอยู่ที่ 73.2 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 74.0 แสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตาโดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายของว่าที่ปธน. ทรัมป์ซึ่งจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า (20 ม.ค.)
ขณะที่ด้านตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญสัปดาห์นี้ติดตาม
1) ดัชนี PPI เดือนธ.ค. สหรัฐ (14 ม.ค.)
2) ข้อมูลเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของสหรัฐและอังกฤษ (15 ม.ค.)
3) GDP เดือนพ.ย. อังกฤษ รวมถึงดัชนียอดขายปลีกเดือนธ.ค. สหรัฐ และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (16 ม.ค.)
4) GDP 4Q24 ของจีน และ ข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซน (17 ม.ค.)
ด้านตลาดน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับพุ่งกว่า 3.7% ขานรับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อย่างจีนและอินเดียจะได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น
• SET Index : เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะแกว่งตัวผันผวนบริเวณ 1,350-1,385 จุด ภายใต้แรงกดดันจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และ ดอลลาร์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,375 จุด จากปัจจัยในประเทศที่วันนี้จะมี 2 ประเด็นหลักที่ต้องจับตา ได้แก่
1) การประชุมครม. เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างรายได้เข้ารัฐปีละ 3.9 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง มีรายงานว่าจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการทางด้านภาษี และ ด้านต่างประเทศ โดยเฉพาะร่างความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA รวมถึงการแก้เกณฑ์ LTR Visa เพื่อดึงดูดนักลงทุน และ
2) เวทีดินเนอร์ทอล์กพูดคุยกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ภายใต้หัวข้อ “Dinner Talk Chat with Tony: Bull Rally of Thai Capital Market”
• หุ้นแนะนำ
DELTA : เราแนะนำ DELTA สำหรับการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ภายใต้แรงกดดันและแนวโน้มไม่ค่อยสดใส
(Take profit : 160.0 / Stop loss : 155.0)
STECON : STECON คาดจะสามารถคว้างานก่อสร้างมูลค่า 4 หมื่นล้านบาทใน 4Q24 ซึ่งจะส่งผลให้ยอด backlog ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาทในสิ้นปี 2024 อีกทั้งบริษัทมีแผนจะรุกธุรกิจพลังงานสะอาด, โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล, บำบัด/บริหารจัดการน้า รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งเพื่อให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าในปี FY30 เราจึงมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันน่าจะมี downside จำกัดและคงคำแนะนำ “ซื้อ”
(Take profit : 6.85 / Stop loss : 6.25)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon