CGSI : Trend Spotter

14

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันศุกร์ (17 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเทคฯ ขนาดใหญ่ต่างรีบาวด์ปรับตัวเพิ่มขึ้น (Tesla +3.1%, Nvidia +3.1%, Alphabet +1.6%) ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2024 เช่นเดียวกับดัชนี DJIA และ S&P500 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่มีการเลือกตั้งปธน. สหรัฐในเดือนพ.ย. 2024 จากแรงสนับสนุนของรายงานตัวเลข CPI ที่ชะลอตัว และ ดัชนี PPI ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดคาด สนับสนุนให้ตลาดคลายกังวลต่อแนวโน้มที่ Fed จะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยลง และ ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วงลงมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการ 4Q24 ของธนาคารขนาดใหญ่ที่ออกมาสดใส

แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันรำลึกมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำด้านสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม ตลาดทั่วโลกต่างจับตาการกลับมาเข้ารับตำแหน่งปธน. สหรัฐเป็นสมัยที่ 2 ของนายโดนัล ทรัมป์ ในวันนี้ โดยเฉพาะประเด็นความไม่แน่นอนนโยบายการค้า และ นโยบายเศรษฐกิจแบบ America First ที่ IMF คาดการณ์ว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัว 2.7% ในปีนี้ (vs. จากเดิมคาดการณ์ที่ 2.2%) และ สนับสนุนให้เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้เติบโตที่ 3.3% (vs. จากเดิม 3.2%) อย่างไรก็ตาม มาตรการที่มากเกินไปนี้อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ และ ส่งผลให้ Fed ชะลอการลดดอกเบี้ยลงได้

นอกจากนี้ ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญสัปดาห์นี้อย่างดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ รวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. (24 ม.ค.) รวมถึงจับตาการประชุม BOJ (24 ม.ค.) ที่ตลาดคาดว่าจะมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ระดับ 0.50%

• SET Index : เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะแกว่งผันผวนบริเวณ 1,325-,1355 จุด ที่แนวรับแรก 1,320 จุด โดยเรามองว่าในวันนี้ ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพื่อรอความชัดเจนจากมาตรการต่างๆ ของนายโดนัล ทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ ฟันด์โลด์ต่างชาติ โดยจะมีการเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ เราประมาณการว่ามูลค่าคงเหลือของกองทุน LTF น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 แสนล้านบาท ในสิ้นปี 2024 ดังนั้น หากไม่มีเงินทุนไหลเข้า LTF เพิ่มเติม เราคาดว่าจะมีการขายคืน LTF รวม 4.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2025 และ 4 หมื่นล้านบาท ในปี 2026 เราจึงเชื่อว่าการฟื้นมาตรการ LTF น่าจะช่วยชดเชยเงินทุนที่คาดจะไหลออกจาก SET แต่รัฐบาลจะต้องประเมินรายได้ภาษีที่อาจสูญเสียไปจากการนำมาตรการนี้กลับมาเช่นกัน นอกจากนี้ ติดตามรายงานผลประกอบการ 4Q24 ของบจ. ไทยที่จะทยอยประกาศออกมา

• หุ้นแนะนำ
DELTA : Trading ทำกำไรในระยะสั้น ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน

(Take profit : 147.0 / Stop loss : 137.5)

CRC : เราเชื่อว่า CRC จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปี FY25 เพราะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนอกจากจะทำให้ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายของ CRC อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการแข็งแกร่ง รวมถึงมีปัจจัยบวกจากมาตรการ Easy E-receipt ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ.

(Take profit : 35.50 / Stop loss : 33.50)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon