ไทยเครดิตรายงานผลประกอบการปี 2567 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,624.0 ล้านบาท

11

มิติหุ้น  –  ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ด้วยกำไรสุทธิที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,192.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 61.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งแม้เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ

ในไตรมาส 4 ธนาคารมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.97 บาท และในงวดปี 2567 ทั้งปี กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.95 บาท โดยธนาคารยังคงดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นความรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของกำไรในครั้งนี้คือการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง และการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง โดยยอดเงินให้สินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 163,158.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ธนาคารยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในสัดส่วนร้อยละ 10.5 อันเป็นผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ให้อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 39.9 ในปี 2567 ส่วนอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ในปีเดียวกันยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 8.6

จากผลการดำเนินงานในกลุ่มสินเชื่อ พบว่าธนาคารสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อในทุกกลุ่มหลักได้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (MSME) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 12.8 สินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกันขยายตัวร้อยละ 14.4 และสินเชื่อบุคคลมีอัตราเติบโตโดดเด่นที่ร้อยละ 114.8 ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบและการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นและการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ

ในส่วนของการบริหารจัดการความเสี่ยง ธนาคารยังคงรักษาระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL) ไว้ที่ร้อยละ 4.4 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามการคาดการณ์ของธนาคาร ขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อเฉลี่ย (%Credit cost) ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากร้อยละ 2.94 เป็นร้อยละ 2.65 เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยหลักจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นใหม่ลดลง จากการบริหารจัดการหนี้ที่ฟื้นตัวดีขึ้น

นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความท้าทายที่เกิดขึ้น ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างผลงานทางการเงินที่ดีที่สุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ธนาคารได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งด้วยรูปแบบธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับปรุงดำเนินงานให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมสำหรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อวางรากฐานการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับปี 2568 ธนาคารยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระดับเลขสองหลัก โดยคาดว่าอัตราส่วนต่างรายได้อัตราดอกเบี้ยสุทธิ (%NIM) จะอยู่ในช่วงร้อยละ 8.5-9.0 พร้อมรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และควบคุมอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (%NPLs) ให้น้อยกว่าร้อยละ 4.5

กลยุทธ์สำคัญที่ธนาคารใช้ขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าวประกอบด้วย 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การขยายสินเชื่อในส่วนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก 2) การปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 3) การพัฒนาธุรกิจใหม่ ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานระยะยาวของธนาคาร เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ธนาคารรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ในปี 2567 ได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยในระดับดีเลิศ หรือ 5 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้รับการจัดอันดับและมอบรางวัลเกียรติยศจากหน่วยงานราชการและองค์กรต่างๆ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินงานและแนวปฏิบัติที่ยอดเยี่ยมของธนาคาร

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธนาคารให้ความสำคัญกับการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้ปรัชญา “Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ” โดยมุ่งเน้นสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานและการให้บริการที่ครอบคลุม ควบคู่กับการให้ความรู้ทางการเงินแก่ชุมชน (Financial Literacy) อย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างความมุ่งมั่นในการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและการให้บริการแก่กลุ่มเปราะบาง

ธนาคารไทยเครดิตให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าและตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเน้นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการให้บริการ โดยมุ่งหวังให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ด้วยเป้าหมายในการส่งเสริมให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีและมั่นคงในระยะยาว ธนาคารยังคงเดินหน้ายกระดับการให้บริการทางการเงินอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบในทุกมิติ

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon