มิติหุ้น – หลายปัจจัยที่อาจทำให้ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางธุรกิจที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ น้ำท่วม รวมถึงการเกิดโรคระบาด ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องรับมือ ล่าสุดเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้รวบรวม 5 แนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและก้าวข้ามความท้าทายไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนี้
เริ่มกันที่การวางแผนธุรกิจและบริหารความเสี่ยง ผู้ประกอบการ MSMEs ควรเริ่มต้นด้วยการประเมินปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การจัดสรรเงินทุนสำรองเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าสถานที่ หรือค่าจ้างพนักงาน การพัฒนาซัพพลายเชนสำรอง (Backup Supply Chain) การวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) เช่น การสร้างแผนสำรองการจัดการซัพพลายเชน หรือการกำหนดขั้นตอนฟื้นฟูธุรกิจ
ถัดมาคือ การกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดความเปราะบาง โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากแหล่งเดียว การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที เช่น การขายสินค้าสุขภาพหรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วงโรคระบาด ถือเป็นทางเลือกที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ การสำรวจตลาดใหม่ โดยเฉพาะการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถกระจายความเสี่ยงและขยายโอกาสในการเติบโตจากตลาดท้องถิ่นสู่ตลาดระดับประเทศได้อย่างรวดเร็ว
การเข้าร่วมเครือข่ายและความร่วมมือ การเข้าร่วมในกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจทั้งภาครัฐ และ เอกชน เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ MSMEs โดยการ เสริมการเข้าถึงข้อมูลด้านต่าง ๆ เช่น ข้อมูลด้านการตลาด การบริหารความเสี่ยง จากการการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ รวมถึงการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนจากวิสาหกิจชุมชน หน่วยงานในพื้นที่ หรือการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น ยังช่วยเปิดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ การดูแลพนักงานและลูกจ้าง เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่กลุ่ม MSMEs ควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากเพราะการดูแลพนักงานให้มีสุขภาพกายและจิตที่ดีไม่เพียงช่วยสร้างความมั่นใจและความทุ่มเท แต่ยังส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่ดีอีกด้วย การป้องกันด้วยประกันภัยและแผนสำรอง เป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยงทางการเงินจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ โรคระบาด รวมถึงการทำประกันสุขภาพสำหรับพนักงานช่วยสร้างความเชื่อมั่น และซึ่งสวัสดิการด้านสุขภาพนั้นนอกจากจะช่วยดึงดูดให้คนอยากมาร่วมงานกับองค์กรแล้ว ยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย ช่วยให้พนักงานและลูกจ้างเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยป้องกันและลดผลกระทบระบาดหรือแพร่เชื้อ ขณะที่ประกันภัยความเสียหายทางธุรกิจ เช่น ประกันอัคคีภัย หรือประกันภัยทรัพย์สิน ช่วยป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วและลดผลกระทบทางการเงินในระยะยาว
และสุดท้าย การปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล และส่งเสริมทักษะใหม่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญในการวางแผนธุรกิจในยุคปัจจุบันทำให้ MSMEs จะเห็นได้ว่าในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวได้เร็ว และเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น อีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย หรือฟู้ดเดลิเวอรี่ สามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและลดผลกระทบจากการล็อกดาวน์ได้ การลงทุนในระบบจัดการข้อมูล ซอฟต์แวร์คลาวด์ และช่องทางชำระเงินออนไลน์ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเสริมความคล่องตัวให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว การฝึกให้พนักงาน หรือลูกจ้างเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และปรับตัวอยู่เสมอ เช่น การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี การตลาดออนไลน์ และการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกัน การติดตามแนวโน้มของตลาดและการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการวางกลยุทธ์ ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที เสริมความยืดหยุ่นและสร้างโอกาสในการเติบโตและรักษาความสำเร็จในระยะยาว
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon