เอสซีจี เผยปี 67 กำไร 6.3 พันล้านบาท กระแสเงินสดฯ 5.4 หมื่นล้านบาท ระดับเดียวกับปี 2566 เคาะปันผล 5 บาท/หุ้น เกือบ 100% ของกำไร ย้ำดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง

39

มิติหุ้น – กรุงเทพฯ : 29 มกราคม 2568 – เอสซีจี เผยปี 2567 กำไร 6,342 ล้านบาท กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 53,946 ล้านบาท ระดับเดียวกับปี 2566 หนี้ลดลงจากไตรมาสก่อน ผลจากการเร่งปรับตัว เคาะปันผล 5.00 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไร ย้ำมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง

เอสซีจีแจ้งผลประกอบการ ปี 2567 คงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หรือ EBITDA ได้ดี อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 ผลจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ บริหารต้นทุนต่อเนื่อง เร่งส่งมอบนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ตลอดจนได้รับเงินปันผลในปี 2567 รวม 14,063 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรและธุรกิจยานยนต์

เอสซีจีเผยถึงความคืบหน้ามาตรการปรับตัวรับมือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งได้แถลงไปเมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 1.) บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาทจากปีก่อน 2.) ปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ และหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 3.) ควบคุมเงินลงทุน (CAPEX) เน้นเฉพาะโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้หนี้สินสุทธิลดลง 16,777 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน อัตราหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.7 เท่า สถานะทางการเงินยังมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นปี 53,331 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) ที่ยังคงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรสำหรับปีตามงบการเงินรวม ซึ่งคณะกรรมการมีความเห็นว่าเป็นอัตราเงินปันผลที่เหมาะสมและอยู่ในกรอบนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ที่กำหนดในช่วงอัตรา 40-50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม แต่ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุการณ์ไม่ปกติ บริษัทอาจนำมาประกอบการพิจารณาเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลในช่วงนั้น ๆ ตามความเหมาะสมได้ ปีนี้คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นสมควรเสนอการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ตามข้างต้น เพื่อมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัทตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2568 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 เมษายน 2568) โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2568 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี

ปี 2567 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความท้าทาย และเป็นช่วงที่วัฏจักรปิโตรเคมีโลกชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 20 ปี ส่งผลให้เอสซีจีมีรายได้จากการขาย ปี 2567 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ และเอสซีจีพี กำไรสำหรับปี 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน จากผลประกอบการของโรงงานปิโตรเคมี LSP และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากขาดทุนการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค ในปี 2566 กำไรสำหรับปี ลดลง 52% จากปีก่อน สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้จากการขาย 130,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ ขาดทุนสำหรับงวด 512 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 721 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน จากผลประกอบการและการรับรู้ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดของ LSP ขณะที่ไตรมาสก่อน มีรายการเงินสดที่ได้จากสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย หรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท จากเอสซีจี เคมิคอลส์

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon