Pi Daily เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้และไม่มีสัญญาณวิกฤต ต่างกับราคาหุ้นที่ผิดหวังกับผลประกอบการจากความคาดหวังที่มากไป , ความเชื่อมั่น , กระแสเงินทุน เน้นกลยุทธ์สะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาโซนล่าง (CPN BDMS BJC TU ITC)

44

 

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวันประธานาธิบดี

เมื่อวานที่ผ่านมาสภาพัฒน์รายงานเศรษฐกิจไทย 4Q24 พบว่าได้แรงหนุนหลักจากการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวมากถึง 39%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 25%YoY ในช่วง 3Q24 รวมไปถึงการส่งออกที่ขยายตัวได้ 11%YOY เร่งขึ้นจาก 3Q24 ที่ 9%YoY ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 3.4%YOY ใกล้เคียงกับ 3Q24 ที่ขยายตัวได้ 3.3%YoY โดยการบริโภคดีขึ้นในภาคบริการ (+6.4%YoY) ตามหมวดโรงแรมและภัตตาคาร การบริการ การขนส่ง ด้านสินค้ากึ่งคงทน (+3.7%YoY) ตามการใช้จ่ายในกลุ่มเสื้อผ้าและรองเท้า อย่างไรก็ตามการบริโภคสินค้าคงทน (-9.5%YoY) ตามการซื้อยานพาหนะที่น้อยลงและส่วนนึงเป็นเพราะสถาบันการเงินระวังการปล่อยสินเชื่อ โดยการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวเป็นการเร่งตัวขึ้นในการลงทุนก่อสร้างและเครื่องจักรเครื่องมือ ทั้งนี้สภาพัฒน์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 2.3 – 3.3% (เฉลี่ย 2.8%YoY) แรงหนุนหลักมาจากการลงทุนภาครัฐที่คาดจะขยายตัว (+4.7%YoY) การบริโภคภาคเอกชน (+3.3%YoY) ส่งออก (+3.5%YoY)

โดยรวมมองเป็นบวกกับตลาดภาพรวมและยังไม่เห็นสัญญาณว่าไทยจะเข้าสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด (สวนทางกับหุ้นที่ปรับลงแรง) จึงมองการปรับลงของตลาดหุ้นเป็นเรื่องของกระแสเงินทุน ความเชื่อมั่น ความผิดหวังผลประกอบการเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ร้อนแรง วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลง 15 จุด (-1.2%) แต่ SET50 ปรับลง 18 จุด (-2.2%) สะท้อนว่าหุ้นใน SET50 ปรับลงมากกว่า SET ซึ่งหลักๆมาจาก DELTA , AOT ตามข่าวที่เกิดขึ้นในตลาด ทั้งนี้นี้ภายหลังตลาดปิดพบว่านักลงทุนสถาบันขายสุทธิออกมามากถึง 3.1 พันล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิมากถึง 4.6 พันล้านบาท พร้อมกับรายย่อยขายสุทธิที่ 1.8 พันล้านบาท แม้การปรับลงของ DELTA , AOT จะสร้างแรงกดดันต่อตลาดในภาพรวมแต่พบว่าถ้าไปดู Sector อื่น อาทิ ธนาคารพาณิชย์ (+1.7%) และเป็นการบวกทุกหุ้นในธนาคารพาณิชย์ สอดคล้องกับ Commerce (+2%) และดีในทุกๆหุ้น (ยกเว้น CPALL)

โดย BJC CRC เด่นสุด กลุ่มการแพทย์ก็ปรับขึ้น (+3.6%) นำโดย BDMS BH บ่งชี้ว่าแรงกดดันจาก DELTA , AOT ไม่สามารถสร้างจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นตัวอื่นๆ มองเป็นเรื่องที่ดี ในขณะที่ Valuation หุ้นไทยหลายๆตัวค่อนข้างอยู่โซนล่าง แต่ดัชนีนั้นแม้จะอยู่ในระดับไม่แพงแต่ก็เชื่อว่า DELTA จะยังสร้างแรงกดดันให้ดัชนีผันผวนได้ กลยุทธ์ที่น่าสนใจคือสะสมหุ้น Domestic ที่ผลกระทบจากภายนอกจำกัดพร้อมกับมูลค่าหุ้นไม่แพง เช่น โรงพยาบาล (BDMS) ค้าปลีก (CRC HMPRO CPN) ส่งออก (TU ITC) โรงแรม (MINT CENTEL) กลุ่ม Non Bank (MTC TIDLOR) วันนี้ประเมินกรอบ SET INDEX ที่ 1250 – 1270 คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตาม

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.75 บาท)
ปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 4Q24 ต่อเนื่องถึง 1Q25 จะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลดีจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงได้ โดยเราคาดกำไรสุทธิงวด 4Q24 ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท เพิ่มมากจากปีก่อนเพราะราคาเนื้อสัตว์ดีขึ้น แต่ลดลงกว่า 44%QoQ ซึ่งเป็นผลตามฤดูกาล Low Seasons ของธุรกิจสัตว์น้ำ

BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดรายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 1.7 พันล้านบาท (+1%YoY) และคาดมีกำไรปกติที่ 1.5 พันล้านบาท (-11%YoY, +60%QoQ) รับแรงกดดันจากภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรก่อนภาษียังเติบโตแข็งแกร่ง 19% YoY รับปัจจัยบวกจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐ สะท้อนผ่านการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือน ม.ค. 2025 ที่ +5%YoY

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon