Pi Daily บริษัทประกาศจ่ายปันผล ซึ่งพบว่าหลายๆตัวให้ปันผลที่สูงมาก มองเป็นตัวจำกัด Downside อย่าง SAT ให้สูงถึง 11% SCB ให้สูงถึง 7% และสถาบันกับต่างชาติกลับมาซื้อพร้อมกัน เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นไทย

229

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 71 จุด (+0.16%) สอดคล้องกับ S&P500 ที่ปิดทำ New High 2 วันติดต่อ แม้ช่วงแรกจะปรับลงรับแรงกดดันจากภาษีรถยนต์จากทรัมป์ แต่หลังจากนั้นก็ปรับขึ้นได้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.26% ได้แรงหนุนจากคาดการณ์อุปทานน้ำมันในรัสเซียจะลดลง

เมื่อวานที่ผ่านมาปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งกองทุน ThaiESG กองที่ 2 โดยวงเงินจะอยู่ราว 1.8 แสนล้านบาทให้สอดคล้องกับเงินกองทุนรวมระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดอายุไปแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วง 1Q25 ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในตลาดหุ้นไทย มองเป็นปัจจัยหนุนหุ้นที่คะแนน ESG อยู่ในระดับสูง เบื้องต้นประกอบไปด้วย AMATA ADVANC CPF CRC KBANK KTB WHA ในขณะเดียวกันเมื่อวานที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ออกมาแถลงเตรียมเปิดรับความเห็น โดยแบ่งออกเป็น (1) การ Short Sale ให้เฉพาะหุ้นที่อยู่ใน SET100 จากเดิมที่กำหนดให้อยู่ทั้ง Non SET100 , SET100 ที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูง (2) เกณฑ์เดิมสามารถใช้ Uptick กับทุกหลักทรัพย์แต่เกณฑ์ใหม่ที่ขอความเห็นคือกำหนดให้เฉพาะหลักทรัพย์ที่ราคาลดลงจากวันก่อนหน้ามากกว่า X% จะต้อง Short Sale ด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันถัดไป อย่างไรก็ตามในปี 25 ทั้งปีจะยังใช้มาตรการเหมือนเดิมทั้งหมด โดยจะปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ในปี 26 ปัจจัยอื่นๆเริ่มเห็นบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการออกมา วานนี้ตัวที่ผลประกอบการโดดเด่นกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ได้แก่ SAT DOHOME SAV และเริ่มเห็นบริษัทจดทะเบียนประกาศจ่ายปันผล

ซึ่งด้วยระดับราคาหุ้นที่ปรับลงมาทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับสูง อย่าง SAT ประกาศจ่ายปันผล 1.24 บาทคิดกลับมาเป็นอัตราเงินปันผลมากถึง 11% หรืออย่าง SCB ก็ได้ประกาศจ่ายปันผล 8.4 บาท ณ ราคาล่าสุดก็คิดเป็นอัตราเงินปันผลมากถึง 6.6% และหลังจากนี้ก็เชื่อว่าจะเห็นบริษัททยอยเปิดเผยผลประกอบการและประกาศจ่ายปันผล จะเป็นปัจจัยจำกัด Downside Risk ของตลาดหุ้นไทย ส่วนต่างประเทศเมื่อคืนมิได้มีปัจจัยอะไรที่มีนัยยะสำคัญเพราะรายงานผลประชุม FED ถ้อยแถลงระบุว่าเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง และยังกังวลกับมาตรการต่างๆของทรัมป์โดยเฉพาะภาษีจะกดดันเงินเฟ้อทรงตัว แต่ภายหลังจากแถลงแล้วพบว่า US Bond Yield ปรับลง บ่งชี้ว่านักลงทุนอาจมิได้กังวลมากนักกับเงินเฟ้อ วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1275 เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากตลาดหุ้นไทยสะท้อนผ่านการกลับมาซื้อสุทธิพร้อมกันของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันประกอบกับข่าวร้ายต่างๆก็สะท้อนไปในราคามากแล้ว และหลังจากนี้ผลประกอบการที่จะทยอยประกาศออกมาก็เป็นหุ้นขนาดกลาง – เล็ก ซึ่งหากมีข่าวเชิงลบก็ประเมินกระทบดัชนีไม่มาก แนะทยอยสะสมแต่เน้นหุ้นที่พื้นฐานดี ราคาไม่แพง อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT HMPRO) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT) ระยะสั้นแนะเก็งกำไร SAT CPF DOHOME

SAT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14.80 บาท)
SAT ประกาศกำไรสุทธิงวด 4Q24 สูงกว่าคาดมาอยู่ที่ 215 ล้านบาททรงตัวจากปีก่อนแต่เพิ่มขึ้น 35%QoQ สวนทางกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอตัว ได้รับผลดีจากกำไรขั้นต้นที่สูงถึง 20% หลังจากบริษัทมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตอย่างต่อเนื่อง และยอดผลิตของกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตรที่เพิ่มขึ้น และจากกำไรที่ออกมาดีกว่าคาดทำให้เรามีโอกาสปรับเป้าในปี 25 ขึ้นจากเดิมที่คาดกำไรไว้เพียง 629 ล้านบาท

DOHOME (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 160 ล้านบาท (-19%YoY, +108%QoQ) ดีกว่าที่เราและ BB consensus คาดเล็กน้อย การฟื้นตัวมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ +1.5% YoY ใน 4Q24 และค่าใช้จ่ายที่ควบคุมได้ดีขึ้นจากค่าสาธารณูปโภคที่ลดลง แนวโน้ม SSSG ยังคงมีทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องตามคำสั่งซื้อของลูกค้าผู้รับเหมาที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นตามการเพิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ไม่ล่าช้าเท่าปีก่อน ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 25% YTD สะท้อนความกังวลต่อกำลังซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างที่อ่อนแอมากเกินไป

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon