Pi Daily เน้นกลยุทธ์เลือกเป็นรายตัวท่ามกลางภาวะหุ้นใหญ่ที่เผชิญปัจจัยกดดันเฉพาะตัว

17

มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 450 จุด (-1%) ถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรประกอบกับผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียน (Walmart) ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.58% หลังจากสหรัฐฯรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลง

เมื่อคืนที่ผ่านมาหุ้นสหรัฐฯ (Dow jones , S&P500) ถูกกดดันจาก Walmart ที่ปรับลง 6.5% หลังบริษัทเปิดเผยว่าคาดการณ์รายได้จะขยายตัวเพียง 3-4% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินกันว่าจะขยายตัวได้ 4% พร้อมกันทั้งนี้ Walmart ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการบริโภคของสหรัฐฯที่อาจเผชิญการชะลอตัวเพราะภาวะเงินเฟ้อรวมไปถึงความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรจะกดดันต่อราคาสินค้าและกำไรของบริษัท ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนมีรายงานเพียงผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.19 แสนราย (ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้) ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเมื่อคืนค่อนข้างทรงตัว อย่างไรก็ตาม Dollar Index อ่อนค่าอย่างมีนัยยะสำคัญและทำให้เงินบาทเช้านี้แข็งค่าทดสอบ 33.5 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจัยในประเทศวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลงต่อเนื่อง (-16 จุด หรือติดลบ -1.3%) Bloomberg นำเสนอว่าเป็นดัชนีที่ให้ผลตอบแทนแย่สุดในโลกเพราะได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการและเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องออกมาตรการบางอย่างเช่นล่าสุดนั้นการ Short Sale จะทำได้เฉพาะหุ้นที่อยู่ใน SET100 ส่วนการขาย Short นั้นกรณีปกติคือใช้เกณฑ์ Zero Plus Tick (ขาย Short ที่ราคาเท่ากับหรือมากกว่าราคาสุดท้าย) แต่หากราคาหุ้นใดๆก็ตามปรับลงมากกว่า X% ตลาดหลักทรัพย์จะปรับมาใช้ Uptick แทนซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วง 2Q25 ระยะสั้นอาจหนุนสภาพคล่องเข้ามาเพราะเกณฑ์ทำ Uptick นั้น การทำ Short Sale จะยากแต่อย่างไรก็ตามไม่มีผลในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เมื่อวานที่ผ่านมาหุ้นที่ปรับลงแรงได้แก่ GULF ADVANC INTUCH ซึ่งอาจเกิดจากความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การลงทุนของนักลงทุน เพราะ 3 หุ้นข้างต้นต่างก็มี Valuation ที่ค่อนข้างสูงแต่ก็มีปัจจัยบวกเล็กน้อยจากการซื้อสุทธิของสถาบันราว 1.3 พันล้าน ขณะที่ Valuation SET INDEX ลงมาในจุดที่ค่อนข้างถูกไม่ว่าจะเป็นการประเมินจาก PBV Earnings Yield Gap , Dividend Yield ส่วนการประกาศผลประกอบการเมื่อคืนที่ผ่านมา TRUE อาจประสบปัญหาขาดทุนราว 7.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามมีรายการพิเศษเกิดขึ้นหากพิจารณาเฉพาะ EBITDA จะอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท (+12%YoY +1%QoQ) ซึ่งเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ 1Q24 (จึงไม่ควรกังวลกับผลประกอบการที่ขาดทุน) คืนนี้รอติดตามยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินไว้ที่ 4.13 ล้านหลังคาเรือน วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1235 – 1260 เชิงกลยุทธ์การลงทุน เน้นเป็นรายตัวในหุ้นที่ผลประกอบการยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อ อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ค้าปลีก (CPAXT CPALL) การเงิน (MTC SAWAD) โรงแรม (CENTEL MINT)

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
มีมุมมองเป็นบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ และกำไรปกติใน 4Q24 ที่รายงานเติบโอยู่ที่ 2.9 พันล้าน (+15% YoY, +9% QoQ) เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด โดยเติบโตจากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งทั้งในยุโรป ประเทศไทย และมัลดีฟส์ ด้วยรายได้ต่อห้องพักรวมที่สูงขึ้น (RevPar) และการลดสัดส่วนหนี้สินที่เป็นไปตามเป้า แม้จะอยู่ในช่วง Low Season ในยุโรปก็ตาม

BA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท)
BA เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับผลดีจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วง High Seasons ซึ่งทำให้ BA มีการเช่าเครื่องบินระยะสั้นอีก 2 ลำเข้ามาในเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว ขณะที่ผลประกอบการงวด 3Q24 กำไรปกติเติบโตถึง 19%YoY,33%QoQ มาอยู่ที่ 909 ล้านบาท จากการเป็นช่วง High Seasons ของสนามบินสมุย เห็นได้จากจำนวนเที่ยวบินมายังสนามบินสมุยสูงถึง 61% ของเที่ยวบินทั้งหมดของ BA ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้เราคงประมาการณ์กำไรทั้งปี 24 ไว้เท่าเดิมที่ 3,743 ล้านบาท (+20%YoY)

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon