รายงานพิเศษ : ฟื้นศรัทธาตลาดหุ้น ‘โลกเก่า’ ปั้นนิเวศ’ระดมทุน’ ธุรกิจใหม่

162

มิติหุ้น – เปิดโมเดล สร้างระบบนิเวศธุรกิจพลิกฟื้นตลาดหุ้นไทย ที่หมดสเน่ห์ ขาดความศรัทธา ด้วยแนวคิด ESG หาดาวรุ่งดวงใหม่ในกิจการไทยได้ไปต่อในโลกยั่งยืน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดแรงเทขายทั้งหุ้น และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (LTF) ทั้งจากนักลงทุนต่างชาติ สถาบันลงทุน กองทุนต่างๆ   หลังจากมีข่าวข้อสงสัยเกี่ยวกับธรรมาภิบาลเจ้าของกิจการ และการกำกับดูแล ของหน่วยงานในไทย ซึ่งปีที่ผ่านมามีกรณีที่เกิดขึ้นถึง 13 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการการถูกตรวจสอบความซับซ้อนในงบการเงินและปัญหาต่างๆ

สำหรับปัญหาที่พบในตลาดหุ้นไทยที่ทำให้หุ้นไทยหมดเสน่ห์ การลงทุน และขาดความน่าเชื่อถือประกอบด้วย ความไม่โปร่งใสในการกำกับดูแล, การซื้อขายด้วยความถี่สูง (High Frequency Trading), การใช้โรบอทเทรดในการซื้อขายหุ้นทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมและความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างนักลงทุน, การดำเนินการที่ล่าช้า เมื่อนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจเก่า ไม่จูงใจในการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนเติบโตสูง  ทั้งหมดทำให้เกิดการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ จนส่งผลทำให้ราคาหุ้นตกต่ำ อีกทั้ง ผลประกอบการของบริษัทที่ไม่ดีตามที่คาดหวัง ทำให้ตลาดหุ้นไทยซบเซาดัชนีร่วงลงหนักติดต่อกัน

ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ เปิดเผยถึง แนวทางการพัฒนาตลาดทุนไทยให้กลับมาฟื้นตัว โดยปัญหาหลักมาจาก ความไม่เชื่อมั่นในการกำกับดูแล และข้อจำกัด ของสินค้า มีสินค้าในอุตสาหกรรมเก่า กระจุกตัวในธุรกิจเพียงไม่กี่กลุ่ม อาทิ สื่อสาร พลังงาน และการเงิน ทำให้ตลาดหุ้นไทยขาดเสน่ห์ในการพัฒนา สร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ ในการเติบโต  ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสในการพัฒนาและเติบโตก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ อาทิ พลังงานสะอาด เทคโนโลยีดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งนี้เป็นผลมาจากการไม่มี

ทั้งนี้ ดร.พิพัฒน์ ได้กางแผนโมเดลการพัฒนาทุนผ่านการสร้าง 3 บล็อกโมเดล ที่นำหลักเกณฑ์ESG การพัฒนาธุรกิจยั่งยืน สมดุล 3 ด้าน (สิ่งแวดล้อม, สังคม และ ธรรมาภิบาล) จะนำไปสู่การสร้างหลักเกณฑ์การวัดผลดำเนินงานในการสร้างโอกาสเติบโตยั่งยืนในอนาคต ที่จะส่งผลทำให้นักลงทุนให้ความสนใจใส่เงินเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่ตอบโจทย์เทรนด์โลกได้ อาทิ ธุรกิจที่ช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม มีบทบาทในการลดโลกร้อน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ธุรกิจที่แก้ไขปัญหาให้กับสังคม และ ธุรกิจที่มีหลักการบริหารจัดการที่ดี มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้

ชวนดาวรุ่ง นอกตลาด ระดมทุน

จึงมีแนวคิดเข้าไปสนับสนุนจากแหล่งเงินทุน ที่จะนำไปลงทุนขยายกิจการสร้างโอกาสเติบโตได้สูงขึ้น จากที่มีเพียงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยมีเพียง 900 บริษัท จึงต้องมีการพัฒนานิเวศการลงทุนในธุรกิจใหม่นอกตลาดขยายไปสู่กิจการนอกตลาดในประเทศไทย มี2-3 ล้านบริษัท โดยทางสถาบันไทยพัฒน์  จึงมีการวางแผนที่จะเข้าไปช่วยจัดการประเมินบริษัทนอกตลาด ที่มีทั้งกิจการ เล็ก กลางใหญ่ ธุรกิจที่มีอนาคตเติบโต ได้มีโอกาสเข้าเกณฑ์ใปประเมินการกำกับดูแลที่ชัดเจนตามมาตรฐานยอมรับทั่วไป จะช่วยทำให้ดึงดูดความสนใจของนักลงทุน และสถาบันการเงิน

“บริษัทที่อยู่นอกตลาด  อาจจะมีข้อมูลเปิดเผยน้อยไม่มีเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลการบริหารจัดการ เหมือนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น จึงขาดโอกาสเข้าไประดมทุนได้ จึงต้องสร้างระบบนิเวศที่จะสร้างโอกาสในกาารต่อยอดพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ได้ มีหลายบริษัทที่น่าสนใจ ที่ไม่ได้อยูในตลาดหลักทรัพย์”

กู้วิกฤติศรัทธา ต้องกล้าฟันธุรกิจผิดธรรมาภิบาล

ส่วนความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น ที่มีข่าวเกี่ยวกับการขาดธรรมาภิบาลด้านการบริหารจัดการของผู้บริหาร ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายมีการลงโทษชัดเจน เพื่อให้เป็นต้นแบบในการยอมรับมาตรฐานการกำกับดูแลตลาดทุนไทย จะส่งผลทำให้เกิดความมั่นใจในกลุ่มนักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ

“วิกฤติของตลาดทุน เกิดจากบริษัทเพียงไม่กี่บริษัท อาจจะมีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาล แต่กลับทำให้ขาดความเชื่อมั่นทั้งตลาด จริงๆ เป็นปัญหาเฉพาะบุคคล แต่ถ้าให้มันฉุดทั้งตลาดเลยเพราะขาดสินค้าตัวใหม่”

ออกแบบกลไก คาร์บอนเครดิต-Bio ขายได้

นอกจากนี้ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องจะต้องสร้างระบบนิเวศการลงทุนใหม่ ที่เอื้อต่อการส่งเสริมการเติบโตของแผนการระดมทุนธุรกิจใหม่ ที่ตอบโจทย์เทรนด์โลก อาทิ คริปโต  หรือการพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิต ให้มีการซื้อขายจริง ที่จะช่วยให้บริษัท เข้ามาซื้อได้รับการชดเชยการปล่อยคาร์บอน  รวมถึงการออกแบบการวัดมาตรฐานการพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)  มีความชัดเจนหากบริษัทที่มีการสร้างผลกระทบทำธุรกิจให้เพิ่ม Biodiversity จะสร้างผลประโยชน์ที่คืนกลับเป็นกำไรสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้

“เช่น หากบริษัทจัดสรรอาคารสักที่นึง แล้วมันเกิดกระทบกับธรรมชาติหรือการใช้ที่ดิน แล้วเราต้องการที่จะชดเชยคาร์บอน ( offset) ให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม ก็อาจจะไปช่วย ชุมชนในเรื่องของการฟื้นฟูป่าเขาก็จะได้คาร์บอนเครดิต หรือ Biodiversityได้”

แผนการพัฒนานิเวศระดมทุนใหม่เหล่านี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาในอดีตที่มีธุรกิจรูปแบบเก่า เข้าไปทำให้เกิดปัญหาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม ที่จะนำไปสู่ความเสี่ยงธุรกิจในอนาคต ที่จะส่งผลกระทบตามมา

“เศรษฐกิจใหม่ เรื่อง กรีน และAI มาแรง จึงควรส่งเสริมพัฒนาสินค้าใหม่ หลังจากตลาดหุ้นไทยขาดสเน่ห์ หากเรามีตระกร้าหลายใบ เมื่อเศรษฐกิจผันผวน ยังมีสินค้าทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุน แต่ปัจจุบันเมื่อหุ้นตก ก็ไม่มีหุ้นตัวใหม่ดึงดูดนักลงทุน นักลงทุนก็ย้ายไปตลาดใหม่ที่มี่เสนห์ และสินค้าตัวใหม่มากกว่า”

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon