“เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” สรุปผลการดำเนินงานปี2567 ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Content Creator & Lifestyle Entertainment   ด้วยกลยุทธ์ “สร้างรายได้หลากหลายช่องทาง” ยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมบันเทิง

25

มิติหุ้น – บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE  ผู้นำ Content Creator & Lifestyle Entertainment ครบวงจรที่เป็นมากกกว่าช่องทีวี  มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง และยังมีจุดแข็งสำคัญที่โดดเด่น คือ ความเชี่ยวชาญในหลากหลายด้านของเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากประสบการณ์ในเครือบริษัท ที่สร้างสรรค์ Content ได้ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ซึ่ง บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ได้สรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ไว้ดังนี้  

งวดปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,669.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154.35 ล้านบาท หรือ 2.37% เมื่อเทียบกับปีก่อน  โดยมีกลุ่มรายได้ที่โดดเด่น ดังนี้

กลุ่มธุรกิจ Content Marketing

ทำรายได้รวม 4,245.63 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 62.73 ล้านบาท หรือ 1.50% จากปีที่แล้ว  ซึ่งบริษัทฯ มีคอนเทนต์หลากหลาย segment ประเภทที่ได้รับความนิยม และทำเรตติ้งอยู่ในระดับสูง  สร้างปรากฏการณ์ขึ้นแท่นอันดับ 1 เป็นจำนวนมาก  ไม่ว่าจะเป็น  ละคร , ซีรีส์ , วาไรตี้ , ข่าว  อาทิ ละครค่ำ สงครามสมรส, ทองประกายแสด, แม่หยัว, ทิชา  รวมถึงละครหนึ่งทุ่ม อย่าง เทียนซ่อนแสง , มนต์รักแม่กลอง  ตลอดจนรายการรู้ไหมใครโสด, ข่าวเย็นช่องวัน , เอาให้ชัด ฯลฯ

ซึ่งสามารถแบ่งที่มาของแหล่งรายได้ ในกลุ่ม Content Marketing ได้ดังนี้

-รายได้จาก ธุรกิจ Copyrights & Licensing ทำรายได้ 1,089.30 ล้านบาท เติบโตสูง 10.20%           ซึ่งมาจากการต่อยอดการขายคอนเทนต์ใหม่ที่ได้รับความนิยมใน Platform OTT ชั้นนำต่างๆ มากมาย   และการขายลิขสิทธิ์ในคอนเทนต์เก่าที่มีอยู่ในรูปแบบ Library ให้กับลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ

-รายได้จาก ธุรกิจ Advertising ทำรายได้ที่ 2,833.46 ล้านบาท  ลดลง 70.20 ล้านบาท หรือ 2.42% จากปีก่อน  ซึ่งนับว่าลดลงเล็กน้อยหากเปรียบเทียบกับความท้าทายของสถานการณ์อุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์ภาพรวมในปี 2567  แต่จากการที่กลุ่ม “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” มี Content ต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น ละคร ซีรีส์ วาไรตี้ เกมส์โชว์ ข่าว  รวมทั้งซีรีส์จาก oneD Original  ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ชมอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งปี  ทำให้ “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” สามารถชิงส่วนแบ่งรายได้โฆษณาจากสื่อและคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันไว้ได้

-รายได้จาก ธุรกิจ Radio ทำรายได้ 322.88 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 11.05%  เมื่อเทียบกับปีก่อน  ซึ่งเป็นผลจากสปอนเซอร์ที่กลับมาลงโฆษณาในรายการวิทยุ  ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ในปัจจุบันกลับมารับฟังวิทยุมากขึ้น และช่องรายการวิทยุของบริษัทฯ เป็นช่องวิทยุอันดับต้นๆ ของประเทศไทย อาทิ Green Wave 106.5, EFM 94.0  เป็นต้น  เป็นข้อได้เปรียบในการดึงเม็ดเงินโฆษณาจากผู้ผลิตสินค้า บริการและเอเจนซี่ต่างๆ

กลุ่มธุรกิจ Idol  Marketing

ยังคงเป็นกลุ่มรายได้ที่เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง  ทำให้ในปี 2567 ที่ผ่านมา  ทำตัวเลขรายได้รวมอยู่ที่ 2,223.94 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 237.03 ล้านบาท หรือ 11.93% จากปีก่อน   ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทมี Content ที่ได้รับความนิยมมากมาย  ทำให้บริษัทสามารถต่อยอด ส่งเสริมให้ศิลปินในสังกัดได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับได้มากขึ้น  ส่งต่อไปสู่การจ้างงาน Presenter และ Brand ambassador ให้กับสินค้าต่างๆ ในทุกกลุ่มเป้าหมาย  นับเป็นการสร้างรายได้จากศิลปิน  และในขณะเดียวกันศิลปินที่มีชื่อเสียง ก็ยังช่วยสร้างกระแสความนิยม สร้างเรตติ้งให้กับคอนเทนต์ได้เช่นกัน  โดยรายได้จากกลุ่มธุรกิจ Idol Marketing มีการเติบในทุกสายธุรกิจย่อย ไม่ว่าจะเป็น

ธุรกิจ Artist Management  ในปี 2567 ทำรายได้ 1046.99 ล้านบาท เติบโต 2.62%  จากปีก่อน  ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มเทรนด์ Influencer Marketing ที่แบรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าระดับ Luxury ให้ความสำคัญในการหา Presenter และ Brand ambassador มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯมีดารา ศิลปิน พร้อมให้บริการอย่างครอบคลุมทุกระดับ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์ความชอบ ความสนใจเฉพาะด้าน ที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ในตลาด (Niche Market) ตั้งแต่ Nano Influencer ไปจนถึง Macro Influencer โดยศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวจีนและชาวต่างชาติ  ได้แก่  วิน เมธวิน , เจมีไนน์-โฟร์ท, ต้าห์อู๋-ออฟโรด,จิมมี่-ซี, ออฟ-กัน, พูห์-พาเวล,  ซี-คีน  รวมถึงคู่ Girl Love มิลค์-เลิฟ ฯลฯ

ธุรกิจ Concert & Event ทำรายได้ 753.94 ล้านบาท  เติบโตโดดเด่นกว่า 18.44% เมื่อเทียบกับปีก่อน  ซึ่งเกิดจากแนวโน้มที่ศิลปินมีฐานแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นทั้งจากในประเทศไทย และจากต่างประเทศ   บวกกับในปี 2567 มีนักท่องเทียวชาวจีนเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวจีนจำนวนมาก มีความชื่นชอบศิลปิน Boy Love ของกลุ่มบริษัทฯ มากเป็นพิเศษ ทำให้การ จัดกิจกรรมคอนเสิร์ต , แฟนมีต  ฯลฯ  สร้างรายได้ให้ธุรกิจนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธุรกิจ Merchandising  คือส่วนรายได้จากการขายสินค้าที่ระลึกศิลปิน โดยในปี2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 422.55  ล้านบาท เติบโต 28.16% จากปีก่อน  ซึ่งมีการขายของที่ระลึกในหลากหลาย Collection  โดยสินค้าของศิลปินจะมี Gimmick ที่แตกต่างกัน  และผลิตในแบบ Limited Edition  ผ่านการจำหน่ายทั้งทาง Online – Offline และในงาน Event ต่างๆ

กลุ่มธุรกิจ Production Business

จากการที่บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์โดยเน้นใช้ทรัพยากรในส่วนนี้เพื่อผลิต Content เป็นของตัวเองมากขึ้น ซึ่งสามารถต่อยอดรายได้ให้มีหลากหลายช่องทางมากกว่า ทำให้บริษัททำรายได้ 140.82 ล้านบาท ลดลง 46.43% จากปีก่อน อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจนี้เปรียบเสมือนเป็นต้นน้ำของการดำเนินธุรกิจ ที่ต้องใช้ Studio สำหรับถ่ายทำ และการผลิต Content เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem ที่ครบวงจร ซึ่งคาดการณ์ว่าในอนาคตน่าจะได้รับผลเชิงบวกจากนโยบายสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย จากผู้จัดซึ่งเป็นบริษัทต่างประเทศของภาครัฐ

ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 426.23 ล้านบาท ลดลง 80.34 ล้านบาท หรือ 15.86% จากปีที่แล้ว คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.39%  เปรียบเทียบกับ 7.78% ในปีก่อน  อันเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจที่ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปตามสถานการณ์อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาโทรทัศน์ที่ปรับตัวลดลง ทำให้ต้องใช้เม็ดเงินในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ Content โดยเฉพาะ oneD Original มากขึ้น เพื่อสร้าง Footprint ผลงานให้มีมาตรฐานในระดับสากล ทั้งนี้บริษัทฯ พยายามสร้างผลงานใหม่ๆ ให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า ผู้ชม และแฟนคลับ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพของผลงานให้โดดเด่นกว่าคู่แข่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันรวมถึงการเพิ่มทรัพยากรบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนา oneD Application

อย่างไรก็ตามในปี 2568  บริษัทฯ ยังคงวางแผนดำเนินงานด้วยนโยบาย “Content Creator & Lifestyle Entertainment ”  พร้อมความพยายามในการสร้างสรรค์ ผลิตผลงานใหม่ๆ ให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า ผู้ชม และแฟนคลับ  โดยมุ่งมั่นที่จะยกระดับผลงานให้มีคุณภาพโดดเด่นในกลุ่มอุตสาหกรรม  อีกทั้งยังเสาะหาช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ๆ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเติบโตได้อย่างทันท่วงที เมื่อเม็ดเงินและโอกาสในอุตสาหกรรมมาถึง  ซึ่งวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานด้วยนโยบายดังกล่าวยังคงมีศักยภาพ  ส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่ม “เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon