มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน ดัชนี S&P500 ร่วงลงเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน หลังรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. จาก CB ลดลงมาระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มิ.ย. 2024 ที่ 98.3 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 102.7 (vs. เดือนม.ค. 105.3) ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอก่อนหน้านี้ กอปรกับความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างประเทศจากนโยบายของปธน. ทรัมป์ยังส่งผลต่อความไม่แน่นอนของตลาด ส่งผลให้ดัชนี VIX ที่พุ่งขึ้นแตะ +2.4% นักลงทุนย้ายการลงทุนไปที่ตลาดพันธบัตรเพื่อลดความเสี่ยง โดยบอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปีปรับตัวลดลงมาที่ระดับต่ำกว่า 4.3% ดอลลาร์อ่อนค่า และเกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่อย่าง Goldman Sachs, Wells Fargo, JPMorgan Chase จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอย (Recession) ในสหรัฐ
ล่าสุดมีรายงานว่าทำเนียบขาวเตรียมควบคุมการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีนเข้มงวดขึ้น ทำให้ดัชนี Nasdaq เผชิญแรงขายหุ้น Nvidia (-2.8%) รวมถึง Palantir (-3.1%) และ Tesla (-8.4%) ที่ส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Tesla ลงมาต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยวันนี้ติดตามรายงานผลประกอบการ 4Q24 ของ Nvidia หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมบ่งชี้ถึงสถานการณ์แนวโน้มของธุรกิจ AI
ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่จะส่งผลต่ออุปสงค์น้ำมัน อีกทั้ง รายงานตัวเลข GDP 4Q24 เยอรมันซึ่งถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป หดตัวลง 0.2% qoq รวมถึงอุปทานน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น กดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมากว่า -2.5%
ด้านราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พ.ย. 2024 หลังมีรายงานว่า Bybit ถูกแฮก สูญเงินกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคริปโทเคอเรนซี
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งบริเวณ 1,180-1,215 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอย (Recession) ในสหรัฐ
และ จับตาผลการประชุมกนง. นัดแรกของปี 2025 ในวันนี้ ที่ตลาดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่าจะมีมติ “ลด” อัตราดอกเบี้ยจากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ระดับ 1-3% หรือ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้
โดยเรามองว่ากนง. จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และ จะมีการปรับลดเพียงครั้งเดียวเป็น 2.00% ในปีนี้ เพื่อคงส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของไทยกับสหรัฐ ท่ามกลางหนี้สินภาคเอกชนของไทยที่น่าจะยังอ่อนแอในปีนี้
ขณะที่ปัจจัยในประเทศอย่างรายงานตัวเลขส่งออกไทยเดือนม.ค. เมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) ที่แม้ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 13.6% yoy สูงกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ตาม ไทยมีการขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 12 เดือน ถึง 1.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหากสงครามการค้ามีความรุนแรงขึ้น จะส่งผลให้ปัญหาสินค้าราคาถูกจากจีนไหลทะลักเข้าไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทำให้ไทยยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น และ ประสบปัญหาด้านการกำหนดราคาสินค้า ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อลดลงนานกว่าคาดในปี 2025 เราทำให้เราปรับลดประมาณการเงินเฟ้อปี 2025 ลงเป็น 1.0% (vs. จากเดิม 1.5%)
• หุ้นแนะนำ
SPALI : SPALI รายงานกำไรสุทธิที่ 1.99 พันลบ. สูงกว่าที่เราและ Bloomberg Consensus คาด จากการโอนบ้านที่สูงกว่าคาด รายได้จากอื่นๆ และส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุนในออสเตรเลีย ทั้งนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลสุดท้ายที่ 0.85 บาท/หุ้น ขึ้น XD 7 พ.ค. และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 20 พ.ค. นี้ นอกจากนี้ เรามองว่าการที่ตลาดให้น้ำหนักมากขึ้นสำหรับโอกาสที่กนง. จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ
(Take profit : 16.3 / Stop loss : 15.3)
CPALL : CPALL รายงานกำไรสุทธิหลักที่ 6.9 พันลบ. (+27% yoy, +12% qoq) สูงกว่าที่ Bloomberg และเราคาดการณ์ไว้ เนื่องจากรายได้อื่นในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) แข็งแกร่งกว่าที่คาด และผลการดำเนินงานของ CPAXT บริษัทย่อยที่สูงกว่าคาด ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องในปี FY25F ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเมื่อเร็วๆ นี้น่าจะสะท้อนการเข้าร่วม MBO ของ Seven & i ไปแล้ว
(Take profit : 51.75 / Stop loss : 48.00)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon