มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน ดัชนี DJIA ร่วงลงมาปิดลบ ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq รีบาวด์ปิดบวกหลังปรับตัวลดลงต่อเนื่องก่อนหน้านี้ แม้จะมีแรงขายในหุ้น Maplebear (-12.3%) เจ้าของ Instacart แพลตฟอร์มบริการสั่งซื้อของชำ แตะจุดต่ำสุดใหม่ของบริษัท อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐอย่าง Lowe’s ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.9% หลังบริษัทรายงานกำไร,รายได้ 4Q24 ออกมาสูงกว่าคาด เช่นเดียวกับหุ้นของ Nvidia ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.7% ก่อนการรายงานผลประกอบการ 4Q24 ของบริษัทช่วงหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ ที่นักลงทุนต่างติดตามเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มของตลาด AI หลังการมาของ DeepSeek ขณะที่มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมคุมเข้มการส่งออกชิปของบริษัทไปยังจีน
ความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐนั้นมาจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของปธน. ทรัมป์ ที่ยังคงสร้างความกังวลให้นักลงทุน หลังล่าสุดทรัมป์ได้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าจะเริ่มการเก็บภาษีศุลกากรจากแคนาดาและเม็กซิโกแต่จะชะลอการบังคับใช้ออกไปในวันที่ 2 เม.ย. แทน ขณะที่จะมีการขยายการเรียกเก็บภาษีอัตรา 25% สำหรับสินค้าจาก EU ในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน
ความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงอยู่ ดังนั้น ติดตามการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญเพิ่มเติม โดยวันนี้จะมีการรายงานตัวเลข GDP 4Q24 สหรัฐ ขณะที่พรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ติดตามรายงานตัวเลขดัชนี PCE เดือนม.ค.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิด -0.7% หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนถึงอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง ขณะที่อุปทานน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยุติลงจะส่งผลให้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐสิ้นสุดลงเช่นกัน รวมถึงการที่ทรัมป์มีนโยบายสนับสนุนการส่งออกน้ำมันของอิรักเพิ่มขึ้น
• SET Index : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวพักฐานบริเวณ 1,215-1,240 จุด โดยเรามองภาพ Sideway to Sideway up โดย SET อาจปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,240 จุดได้แม้ ปรับตัวขึ้นมากว่า 24.8 จุดเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ขานรับ กนง. มีมติ 6:1 เสียง “ลด” อัตราดอกเบี้ยลง 25bp มาที่ระดับ 2.00% สวนทางกับที่เราและตลาดคาดว่าจะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้
ปัจจุับน เรา และ ตลาด คาดว่าธปท. มีโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1-2 ครั้ง ครั้งละ 25bp รวมทั้งสิ้นจากการลดเมื่อวานนี้เป็น 50-75bp ในปี 2025 ด้วย 4 เหตุผลหลัก
1) การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ ของไทยที่ไม่เท่ากัน โดย ภาคบริการ ฟื้นแรงกว่าเมื่อเทียบกับภาคผลิต
2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนมากเท่าที่คาดการณ์ไว้ (เงินหมื่น) และอัตราเงินเฟ้อที่เราคาดว่ายังอยู่ในระดับต่ำและอาจจะเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง
3) เงินสำรองระหว่างประเทศมีมากพอที่จะเข้ามาแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนหากต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
4) ความเสี่ยงจากการมาของทรัมป์ 2.0
พรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ติดตามรายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนม.ค. ของไทย
• หุ้นแนะนำ
CRC : เรามองว่า CRC มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการที่กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาที่ระดับ 2.00% เพราะนอกจากจะทำให้ความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายของ CRC อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทมีหนี้ที่ใช้ Floating rate ถึง 90% ซึ่งอาจจะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัท
(Take profit : 35.00 / Stop loss : 32.75)
SIRI : เราคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงของกนง. จะกระตุ้นตลาดอสังหาฯ เพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค และลดการชำระเงินผ่อนบ้านรายเดือน นอกจากนี้ เรามองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนการเงินของ Developers ที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงอย่าง SIRI ที่เป็น Top Pick กลุ่มอสังหาฯ ของเรา
(Take profit : 1.78 / Stop loss : 1.67)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
