การคลังไทยเสี่ยง ส่อแววติดหล่ม

198

มิติหุ้น – “การคลังไทยมีความเสี่ยง” คำนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ท่ามกลางสภาวะของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวน จากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐในการรีดภาษี รวมไปถึงการแสดงท่าทีของรัฐบาล ที่เริ่มหวังพึ่งนโยบายการเงินมากขึ้นในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงขั้นร่อนหนังสือไปยัง “วังบางขุนพรหม” เพื่อให้หวังพิจารณาลดดอกเบี้ย ถึงแม้การลดดอกเบี้ยจะเกิดขึ้น แต่ภาวะการคลังก็ยังคงมีความเสี่ยง

ขณะที่ธนาคารโลกระบุว่า นโยบายการคลังของประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย 3 ประการ ได้แก่ การตอบสนองต่อความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริการสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับ “ผู้สูงอายุ” การฟื้นฟูการลงทุนเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการรักษาระดับหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน โดยคาดว่าระดับหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 64.8 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และมีแนวโน้มเข้าใกล้เพดานหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 70 ของ GDP ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า

แม้ว่าระดับหนี้สาธารณะของประเทศไทยยังคงมีความยั่งยืนทางการคลัง แต่แรงกดดันในการใช้จ่ายทางสังคมและการลงทุนของภาครัฐในทุนมนุษย์เพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพื่อการเติบโต เช่น โครงการดิจิทัลวอลเลต ได้เพิ่มแรงกดดันทางการคลัง

ปรับ 3 ด้านเพิ่มความยืดหยุ่น

ข้อเสนอแนะสำคัญของ “ธนาคารโลก” ในการเพิ่มความยืดหยุ่นทางการคลังท่ามกลางความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ได้แก่

1.ปรับลดการอุดหนุนพลังงานที่ไม่เป็นธรรมต่อการกระจายรายได้ ที่ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ของรัฐขาดดุล โดยควรเปลี่ยนไปเน้นการให้ความช่วยเหลือทางสังคม และการโอนเงินแบบมุ่งเป้ามากขึ้น เพื่อสนับสนุนครัวเรือนที่เปราะบางและบรรเทาความยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.เพิ่มรายได้จากภาษี ส่งเสริมการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างพื้นที่ทางการคลัง แม้ว่าการจัดเก็บรายได้ภาครัฐจะปรับตัวดีขึ้นถึง 16% ของ GDP ในปีงบประมาณ 2567 แต่ก็ยังคงต่ำกว่าประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง จึงจำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ควบคู่ไปกับการลดความยากจน

3.เร่งการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีใหม่ และทุนมนุษย์ที่สนับสนุนและส่งเสริมซึ่งกันและกัน จะสามารถดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนและกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจไปสู่ภูมิภาคได้

ไทยยังเผชิญความท้าทาย

นอกจากนี้ ธนาคารโลกระบุว่า นโยบายการคลังของประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การตอบสนองต่อความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริการสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับ “ผู้สูงอายุ” 2.การฟื้นฟูการลงทุนเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ 3.การรักษาระดับหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน

ทั้งนี้คาดว่าระดับหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 64.8 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และมีแนวโน้มเข้าใกล้เพดานหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 70 ของ GDP ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า

ความเสี่ยงความผันผวนจากนี้ไปคงคาดเดาได้ยาก ดังนั้นการเก็บกระสุนไว้ใช้ในยามจำเป็นถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเอาตัวรอดและผ่านพ้นในช่วงติดไปให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจไทยอาจติดหล่มอยู่กับที่

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon