เอาล้าวววใครจะไปคิดว่า สถานการณ์วงแตกจะเกิดขึ้นกับ “WHA” หุ้นพื้นฐาน นิคมอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศ จะเผชิญกับสถานการณ์ลบ 2 เด้ง
เด้งแรก งบต่ำคาด
เด้งสอง ดันไปขุดสตอรี่เข็นบริษัทลูก “WHAID” เสนอขายหุ้นIPO วาดฝันว่าจะเอาไปโปะการลงทุนก้อนโต้
เด้งแรกว่าบ้งแล้ว เจอเด้ง 2 เข้าไปทำเอาราคาหุ้น “WHA” ร่วงเผละเละเป็นโจ๊ก เพราะการเข็นบริษัทลูกที่ทำธุรกิจเหมือนกับแม่ เสนอขายหุ้นไอพีโอ สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทกำลังหาเงินอยู่ ขาดสภาพคล่อง
“WHAID มีSCB เป็นที่ปรึกษาในการนำเข้าตลาด ซึ่งเป็นไปตามแผนในการหาสภาพคล่อง เพราะว่า SCB เป็นธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ของWHA ดังนั้นการเข้าตลาดหุ้นจึงเป็นหนึ่งในแผนจัดโครงสร้างหนี้ ซึ่งWHA ทำมาโดยตลอด แต่รอบนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา นักลงทุนไม่ซื้อไอเดีย เพราะมองว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เอาทรัพย์สินตัวเองออกมาขาย เหมือนตัดไตขาย เพื่อหาสภาพคล่อง กำไรนับซ้ำ เพราะธุรกิจแม่กับ WHAID ซ้ำซ้อนกัน จะทำให้ความน่าสนใจจของWHA ลดน้อยลง ไม่ได้สร้างValue ใหม่”
WHA เปิดแผนไอพีโอ WHAID กำหนดขายหุ้น 970 ล้านหุ้น หรือ 22.73% แบ่งเป็นหุ้นใหม่ของWHAID สัดส่วน 9.09% และหุ้นเดิมของWHAID สัดส่วน 13.64% สาเหตุที่นำหุ้นเก่าร่วมขาย เพราะต้องทำหน้าที่เป็น “เด็กหญิงวัลลี” ลูกกตัญญูเอาเงินไปโปะให้กลุ่มบริษัทWHA ซึ่งแผนลงทุนแต่ละอย่าง ใช้เงินลงทุนสูงมาก
ไปดูแผน 5 ปี ระหว่าง 2568-2572 ของกลุ่มWHA ลงทุนอะไรกันบ้าง
1) ธุรกิจโลจิสติกส์ เป้าหมายภายในปี 2568 จะเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร มีโครงการให้เช่าพื้นที่ใหม่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร คาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปีที่ 19,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในไทยและเวียดนาม
2) ธุรกิจโมบิลิตี้ (ภายใต้แบรนด์ Mobilix) ตั้งเป้าหมายให้มีผู้ใช้บริการเช่าแล้ว 1,700 คันภายในปี 2568 และ 20,000 คัน ภายในปี 2572 โดยบริษัทฯ ได้กำหนดงบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 30,000 ล้านบาท
3) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินเป็นจำนวน 2,350 ไร่ ในปี 2568 และคาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 37,000 ล้านบาท
4) ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค ตั้งเป้าการจำหน่ายน้ำในปี 2568 ที่ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปีที่ 29,000 ล้านบาท
5) ธุรกิจดิจิทัล ตั้งเป้าหมายพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่ ภายในปี 2568 และคาดการณ์งบลงทุนภายใน 5 ปี ที่ 4,000 ล้านบาท สำหรับการวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ
“ความคาดหวังของกำไรมันสูงเกินไป ราคาหุ้นเลยลงแรง ต้องล้างไพ่แล้วเริ่มต้นกันใหม่ ช่วง 2-3 ปีก่อนหน้าที่FDI หายไปจากประเทศไทย ทำให้แบ็คล็อกของWHA แซงหน้า AMATA ซึ่งยอดขายที่ดินพลาดเป้าหลายปีติดต่อกัน วอลุ่มเทรดเทไปซื้อ WHA อย่างหนัก แต่พองบตั้งแต่งวด Q3/67 ออก เริ่มเห็นสัญญาณว่าAMATA ยอดขายเริ่มกลับมา และปี 67 ทำได้ตามเป้า เพราะระยะหลังเงินลงทุนFDI กลับมา ไม่ใช่ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือโรงงานขนาดเล็กที่ใช้พื้นที่น้อย โรงงานสำเร็จรูปซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของWHA ด้วยเหตุนี้ทำให้ยอดขายของAMATA กลับมาสตรอง” นักวิเคราะห์กล่าว
ด้าน “นิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า กล่าวว่า บจ. มักใช้ข้ออ้างสวยหรูว่าแผนSpin-Off นั้นเป็นไปเพื่อสร้างความคล่องตัวในการบริหารจัดการ แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่กลยุทธ์หนึ่งในการเอาหุ้นออกมาขาย แผนของการหาเงินสะท้อนว่าเจ้าของไม่มีเงิน ซึ่งในต่างประเทศ ไม่มีตลาดหุ้นไหนอนุญาตให้ทำ เขามีแต่ไปลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เช่นการลงทุนในStart Up เพื่อสร้าง Growth
หลังจากนี้คงต้องติดตามว่า WHA จะเดินหน้า เข็น “WHAID” เสนอขายหุ้น IPO หรือไม่ ซึ่งตามแผนเดิมคือยื่นไฟลิ่ง ในเดือนเม.ย. 68 และเสนอขายหุ้นช่วยปลายปี โดยWHA กับบรรดาธนาคารเจ้าหนี้ต้องกลับไปปรับกระบวนท่าใหม่ เพราะถ้ายังรั้นยึดแผนเดิม…ไม่มีนักลงทุนเอาด้วย…เพราะนักลงทุนสมัยนี้ไม่ได้โง่ จะมาหลอก มาเชือดกันได้ง่ายๆ ใครที่สบประมาทนักลงทุน ราคาหุ้นก็จะรูดร่วงเป็นบทลงโทษไป
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon