CGSI : Trend Spotter

10

มิติหุ้น – Trend Spotter
• สรุปภาพรวมตลาด : ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนก่อนร่วงปิดลบ หลังปธน. ทรัมป์ยืนยันการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกอัตรา 25% มีผลบังคับใช้ในวันนี้ (4 มี.ค.) พร้อมระบุว่าภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) จะเริ่มในวันที่ 2 เม.ย. และได้ลงนามเรียกเก็บภาษีจากจีนเพิ่ม 10% เป็นแรงกดดันให้มีแรงเทขายหุ้นออกมาทั้งหุ้นกลุ่มเทคฯ (Nvidia -8.7%, Broadcom -6.1%, SMCI -13%), หุ้นในดัชนี Russell2000 (-2.8%) และหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายการค้าของทรัมป์ (GM, Ford) รวมถึงกองทุน ETF จาก iShares ที่ติดตามหุ้นจากแคนาดาและเม็กซิโกก็ปรับตัวลดลงมากกว่า 1%

ตลาดหุ้นสหรัฐยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในภาคการผลิตหลังตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. จาก ISM ขยายตัวที่ 50.3 ต่ำกว่าตลาดคาด 50.6 (vs. เดือนม.ค. 50.9) อย่างไรก็ตาม ตลาดยังรอติดตามข้อมูลการจ้างงานในวันศุกร์ (7 มี.ค.) เพื่อหาแนวโน้มบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและทิศทางการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของ Fed เพิ่มเติม และ จับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน. ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสพรุ่งนี้ (5 มี.ค. 9.00 น. ประเทศไทย)

ความกังวลนโยบายการค้าระหว่างประเทศของทรัมป์และตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ สร้างความกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันจะลดลง กอปรกับรายงานกลุ่ม OPEC+ ยืนยันเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย. ต่อไปตามแผนที่วางไว้ กดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 2%

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยัง Outperform ตลาดหุ้นอื่น รวมถึงตลาดหุ้นเยอรมัน และ ดัชนี STOXX600 ปิดทำนิวไฮอีกครั้ง นำโดยแรงสนับสนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (+7.7%) ขานรับแนวโน้มการใช้จ่ายด้านกลาโหมในยุโรปเพิ่มขึ้น และ Sentiment บวกจากความเป็นไปได้เกี่ยวกับข้อเสนอเพื่อสันติภาพในยูเครน จับตาการประชุม ECB ในวันพฤ. (6 มี.ค.)

• SET Index : เราคาดว่า SET Index ยังคงแกว่งตัวซึม Sideway to Sideway down บริเวณ 1,170-1,200 จุด เผชิญแรงกดดันทั้ง

1) sentiment ลบตามปัจจัยต่างประเทศ กรณีภาษีศุลกากรของทรัมป์ และหากไทยโดนบังคับใช้มาตรการนี้ จะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการส่งออกไปสหรัฐสูง

2) นอกจากนี้ การที่รัฐบาลจีนเตรียมตอบโต้สหรัฐด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้าเกษตรและอาหารสัตว์จากสหรัฐ เรามองว่าหากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนยกระดับขึ้น อาจกดดันให้อุปสงค์น้ำมันอ่อนตัวลง กอปรกับการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซของไทยให้ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ร่วงลงมา

และ 3) ปัจจัยในประเทศที่ยังคงขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งคาดว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงปลายเดือนมี.ค. นี้

ขณะที่รายละเอียดล่าสุดเกี่ยวกับร่างกฎหมาย Entertainment Complex ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลระบุว่า สัดส่วนสำหรับกาสิโนจะอยู่ที่ 10% และคงเกณฑ์ค่าธรรมเนียมเข้าเล่น 5,000 บาท โดยเกณฑ์สำหรับคนไทยที่จะเข้าไปเล่นกาสิโนได้นั้นเปลี่ยนใหม่เป็นการยื่นภาษีย้อนหลัง 3 ปี แทนจากเดิมที่ต้องมีเงินในบัญชีอย่างต่ำ 50 ล้านบาท

ติดตามข้อมูลเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทยในวันศ. (7 มี.ค.)

• หุ้นแนะนำ
HANA : แม้ว่าแนวโน้มธุรกิจจะยังคงท้าทายใน 1H25F แต่เราเห็นปัจจัยบวกจากการปรับปรุงอัตราการใช้กำลังการผลิตในธุรกิจหลักและการลดลงของการขาดทุนของ Powermaster ใน 2H25F ทั้งนี้ เราเชื่อว่าปัจจัยลบส่วนใหญ่ถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงแล้ว เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

(Take profit : 18.2 / Stop loss : 15.2)

CPAXT : เรามองว่า CPAXT มีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงน่าจะรับรู้ความเสี่ยงในเรื่องธรรมาภิบาล (CG) แล้ว ส่งผลให้ความเสี่ยง-ผลตอบแทนดูดีขึ้น และเราคาดว่า EPS จะเติบโตอัตรา 20.7% CAGR (FY24-26)

(Take profit : 29.00 / Stop loss : 27.00)

#MacroWealthResearch
#CGSInternational

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon